Monday, August 27, 2007

เพื่อนในกลุ่ม


ผมมักชอบนึกถึงช่วงเวลาต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตนะครับ แต่ละช่วงเวลามีแง่มุม มีความสุขและความทุกข์ ผมมักเสียดายช่วงเวลาในวัยเด็กที่เกี่ยวกับเพื่อนเพราะผมละเลยเพื่อนในวัยเด็ก การละเลยเกิดจากการไม่ให้ความสำคัญ และคิดว่าในช่วงเวลานั้นการไม่มีเพื่อนมาวุ่นวายกับชีวิตชีวิตก้อไม่น่ามีอะไร แต่ความรู้สึกอันนั้นเป็นความรู้สึกที่ผมคิดผิดตลอดมา จนผมได้มาเจอเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ความคิดเหล่านั้นก็เปลี่ยนไป ทำให้ผมเสียดายหลายช่วงเวลาที่ผมน่าจะสนุกและร่วมกิจกรรมกับเพื่อนให้มากกว่านี้


กลุ่มที่ผมคบและผมนับเป็นเพื่อนและกลุ่มนี้ให้ความรู้สึกถึงความเป็นตัวของตัวเองของผม และยืนอยู่ตรงนี้เสมอในยามที่ผมรู้สึกอ่อนแอ และสิ้นหวัง จุดเริ่มต้นของการเข้าอยู่ในกลุ่มนี้คือ เป็นช่วงปี3 ผมมีเรื่องที่ไม่สบายใจกับเพื่อนที่ผมคบอยู้นะครับ ตอนนั้นผมเด็กเกินกว่าที่จะนั่งคุยและแก้ปัญหาด้วยเหตุผล ผมเพียงคิดว่า ถ้าเราคุยกันไม่รู้เรื่องผมขอเป็นฝ่ายถอยดีกว่า ตอนนั้นผมรู้ว่าปัญหานี้ผมควรปรึกษาใคร จะปรึกษาเพื่อนในรุ่นก้อจะเป็นข่าวซุบซิบกันอีก ผมเลยเลือกที่จะปรึกษาพี่ต้น เพื่อนรุนพี่ที่ตอนนั้นเป็นแค่รุ่นพี่ที่รู้จักไม่ได้สนิทสนมอะไรกันเลย การได้คุยกับพี่ต้นทำให้มุมมองความคิดของผมเปลี่ยนไป ผมรู้สึกว่า ผมเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีอิสระทางความคิดมากกกกกก ผมเริ่มเสนอตัวที่จะขอร่วมแจมกับกลุ่มพี่ต้นด้วย พี่ต้นยินดีที่จะรับผมเข้ามาในกลุ่ม กลุ่มเราเริ่มต้นตรงนี้นี่เอง


พี่เติ้งเป็นอีกคนที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ตรงดิ่งเข้ามาในกลุ่มเราตอนใหน อาจเป็นเพราะว่าบุคลิกสบายๆๆ ชอบรับประทานอาหาร และเป็นมิตรกับทุกคน พี่เติ้งเลยคุยกับผมถูกคอ ด้วยอัธยาศัยที่ตรงกัน การชอบแคมปิ้งเหมือนกัน และผมคุยกับพี่เติ้งได้แทบทุกเรื่อง รวมถึงพี่เติ้งมีแกสเฮ้าที่แสนสบายที่หัวหินให้พวกเราได้ซุกหัวนอนกัน พี่เติ้งและพี่ต้นเป็นเพื่อนในกลุ่มคนแรกๆที่ผมมักจะนึกถึงเมื่อยามมีปัญหา ผมรู้สึกว่า บางทีปัญหาทุกอย่างก็หมดสิ้นไปเมื่อเจอเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสอง รวมถึงการที่ผมสนิทกับทั้งสองครอบครัวคือพ่อแม่ของพี่ต้น และพี่เติ้ง ยิ่งทามให้พวกเราซี้กันมากยิ่งขึ้น


พี่ชัย เป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพในความมีน้ำใจ พี่ชัยเป็นคนที่น่ารักมาก ไม่ว่าจะมีอะไรที่พอช่วยได้พี่ชัยจะไม่ลังเลช่วยผมเสมอ โดยเฉพาะการมีหนังชุดดีๆมาให้ผมดู รวมถึงรสนิยมในการฟังเพลงคลาสสิกที่เป้นรสนิยมที่ตรงกับผมทำให้พี่ชัยมีเพลงมาให้ผมฟังเสมอ นอกจากความมีนำใจของพี่ชัยแล้ว ผมชอบครอบครัวของพี่ชัยด้วยนะ ชอบการอดออมของพ่อพี่ชัย ที่รู้จักใช้สอยเงินทองจนสามารถส่งลูกสองคนจบปริญญา รวมถึงความกตัญญูของพี่ชัยที่มีต่อแม่ซึ่งป่วยอยู่ ผมซาบซึ้งในสิ่งที่พี่ทามต่อแม่นะ แม้ว่า การกระทำอันนั้นจะไม่เกี่ยวขอ้งกับผมเลยแต่ผมนับถือในเรื่องการกตัญญูต่อพ่อและแม่ของพี่มากๆๆ


ก้อย เป็นหญิ่งเดียวในกลุ่มบางที ผมก้อสงสารก้อยนะ เพราะพอผู้ชายหลายคนมารวมกันก้อเปนธรรมดาที่จะแสดงความาห่าม ทะลึ่งตึงตังในแบบของผู้ชาย ทามให้ก้อยลำบากใจบ้างละ หรือเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ก้อยต้องเสียสละที่นอนอันอ่อนนุ่มไห้ชายหนุ่มทั้ง6 คนได้นอน เพราะเราถือว่าเวลแฟร์ของสังคมสูงที่สุด55 แต่พวกเราก้อรักแกนะก้อย รวมถึงเอาใจช่วยในทุกๆเรื่องและอยากให้แกได้ร่วมทำกิจกรรมทุกกิจกครรมที่พวกเราได้ทำ และลุ้นว่าเมื่อไหร่จะมีชายหนุ่มมาตกหลุมแกซักที


พี่อาร์ตและพี่โค๊ก อาจเปนเพื่อนในกลุ่มที่ผมสนิทน้อยที่สุด แต่ทั้งสองก็มีน้ำใจส่งมาให้ผมเสมอ แม้ว่าพี่อาร์ตแกจะทะลึ่งตึงตังไปหน่อยรวมถึงนิสัยพี่โค้กที่ดูเฉยๆ แต่ผมก็โอนะ


เวลาคบเพื่อนผมจะให้ใจพวกเค้า เวลามีเรื่องที่ไม่สบายใจต่อกันผมเลือกที่จะนึกถึงวันเก่าๆ วันที่พวกเค้าเคยช่วยเหลือผม เคยเลี้ยงข้าว รวมถึงพ่อแม่พวกเค้าก็ดีกับผมมากๆ แล้วแบบนี้ผมจะโกรธพวกเค้าลงได้ไง ผมไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ผมรู้ว่าพวกเค้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดกลุ่มนึ่งของผมตลอดไป
ปล.รูปจาซ้ายไปขวา ก้อย วิท พี่อาร์ต พี่ต้น พี่โค้ก (น่าเสียดายที่ในรูปไม่มีพี่ชัย และพี่เติ้ง)

Wednesday, August 08, 2007

วันของแม่


เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว แม่และน้องนุชได้เดินทางจากนคร มาที่บ้านของพวกเรา ผมรู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข กับการเดินทางมาของแม่และน้องนุชมาก แม่เตรียมของมาฝากพวกเราเยอะมากเลยนะครับ ทั้งขนม นมเนย ของโปรดที่ผมและเจ้ชอบทาน แค่เห็นแม่และน้องนุชผมก้อโอเคแล้วละ


ไม่บ่อยมากนักที่แม่จะเดินทางและมาพักกับพวกเรานานถึงเกือบสองอาทิตย์ขนาดนี้ การเดินทางของแม่ในครั้งนี้เพราะแม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นครูอาวุโส และได้รับเข็มเชิดชูเกียร์ติ จากสมเด็จพระบรมฯนั่นเอง การเดินทางในครั้งนี้ของแม่จึงเป็นการเดินทางเพื่อรับรางวัล ในการการทามหน้าที่ของแม่ในอาชีพที่ตนเองปฏิบัติได้อย่างดีเยี่ยม


ผมกับเจ้อมยิ้มแม่นะ ความรู้สึกของเราเหมือนเรากำลังย้อนเวลานะครับ ย้อนเมื่อสมัยเราเด็กๆ เวลาเราได้รับรางวัล เวลาเราต้องเดินทางไปทัศนะศึกษา หรือต้องไกลบ้าน แม่จะเตรียมของทุกอย่างให้เรา พร้อมถึงดูความเรียบร้อยของพวกเรา มาตอนนี้เรากลับเป็นฝ่ายที่ดูความเรียบร้อยให้แม่ ว่าของทุกอย่างแม่เรียบร้อยหรือยัง การซ้อมในการเข้าเฝ้าของแม่โอเคมั้ย เมื่อเราโตขึ้นบทบาทของเราเปลี่ยนไปแบบนี้เองหรือ เป็นบทบาทที่แสนจะอบอุ่น และเป็นบทบาทที่ผมน้อมรับด้วยความยินดีและเต็มใจ


แม่คงมั้ยรู้หรอกว่า ทุกบทบาทของแม่ที่ผ่านมาแม่ทามหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แม่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมฟังเสมอ แม้ว่าตัวเองจะเป็นคนที่เดื้อพอสมควรก็ตาม แม่จ๋า วิทภูมิใจในวันสำคัญในวันนี้ของแม่จัง.....