Tuesday, December 09, 2008

อัพเดทชีวิต

ช่วงเทศกาลกำลังไกล้เข้ามาอีกแล้ว ผมรู้สึกมีความสุขจัง ชีวิตช่วงนี้ของผมค่อนข้างทำงานหนักนะครับ แต่เมื่อทำงานหนักก็รู้สึกดีที่การทำงานของตัวเองเป็นงานที่มีคุณค่า การเห็นเด็กๆได้รับความรู้มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษจริงๆ



สองอาทิตย์ก่อนผมได้มีโอกาสเป็นวิทยากรในการจัดอบรมครู ผมค่อนข้างตื่นเต้นนะครับ รวมถึงหนึ่งในครูที่มาอบรมเคยเป็นอาจารย์ของผมสมัยมัธยมด้วยนะ ในอาทิตย์นั้นผมหัวฟูเอามากๆเลยนะครับ ทั้งเตรียมสอนในชั่วโมงปกติ และเตรียมสอนครูมัธยมที่มาอบรม ส่วนตัวผมพอใจในการเป็นวิทยากร แม้ว่าอาจจะมีหลายเรื่องที่ผมควรปรัปปรุง แต่ผมจะพยายามและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นต่อไป



ช่วงอาทิตย์ที่ 5 ธันวาที่ผ่ามนมา ผมเลือกการหยุดยาวกลับบ้านที่ นครศรีธรรมราช การใช้เวลาดังกล่าวอยู่กับครอบครัวก้อให้ความรู้สึกที่วิเศษนะครับ การได้นั่งคุยกับพ่อและแม่ การได้ดูแลคุณย่าที่ไม่สบายอยู่ก้อทำให้ช่วงวันหยุดของผมมีความหมายขึ้น แม้ว่าจะแลกกับการไม่ได้ทำงานเลยตลอดวันหยุดสามวันแต่ก้อคุ้มนะ



ตอนนี้ผมกำลังรอคอยช่วงปีใหม่ เพราะการได้หยุดยาวละ การได้ฉลองวันเกิดร่วมกับคนในครอบครัว รวมถึงการได้อยู่พร้อมหน้าก้อเป็นช่วงเวลาที่วิทรอคอยอยู่นะ ที่สำคัญผมรอคอยที่จะเจอน้องคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอมาเป็นเวลาน่าจะเกือบปี พี่รอคอยหนูเสมอนะ

Thursday, October 02, 2008

วันที่ก้าวช้าๆ


ส่วนตัวของผม เป็นคนที่ชอบมองดูถนนหนทาง ชอบมองดูสองข้างทาง ทำไมผมจึงชอบมองดูถนนหนทางหรือครับ ผมจะมาเฉลยให้ฟังกัน


มุมมองชีวิต ผมมองว่าคนเราทุกคนกำลังเดินทาง ทุกๆคนมีถนนของตังเองที่ไห้เดินนั้นเอง บางคนก้อรีบเดินซะเหลือเกินอยากให้ตัวเองประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพื่อไปสู่ถนนเส้นใหม่ที่ดูน่าสนใจ ผมมักจะรู้สึกเหนื่อยหน่าย เมื่อเจอเพื่อนที่มีทัศนคติเช่นนี้ ถามว่าพวกเค้าผิดหรือไม่ที่มีแนวคิดแบบนั้น คำตอบคือไม่ผิด และกลับเป็นสูตรสำเร็จให้แต่ละคนทะเยอทะยานสู่สิ่งที่ตนเองต้องการ


แต่ผมกลับมองต่างออกไป กลุ่มคนกลุ่มแรกที่ผมพูดถึง มองถึงเป้าหมายของการเดินทาง ว่าจุดสุดท้ายของการเดินทางคืออะไร และพยายามที่จะไปสู่จุดนั้นอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อได้เริ่มสู่ถนนเส้นใหม่ แต่ผมกลับมองว่า การเดินทางแม้ว่ามันจะช้าไปซักนิด แต่ถ้าเราได้ซึมซับกับความสวยงามระหว่างทาง หยุดที่จะยิ้มทักทายเด็กเล็กๆข้างทางบ้าง ค่อยๆสูดอากาศที่บริสุทธิ์ระหว่างการเดินทาง แบบนี้คนอื่นอาจจะมองว่าเชื่องช้าและไม่มีประสิทธิภาพ แต่ผมกลับมองว่า การเดินทางแบบนี้คือความสุขที่แท้จริง


บางครั้งความสุขของการเดินทาง ไม่ได้อยู่ที่เป้าหมายเสมอไป แต่ความสุขมักเกิดจากการที่เราเลือกที่จะหยิบรายละเอียดระหว่างการเดินทางต่างหาก


ปล.ขอบคุณความคิดถึงของผู้หญิงคนนึ่งที่ทำให้ผมระลึกถึงเธอทุกครั้ง

Monday, September 15, 2008

ท่องเที่ยวสงขลา

บทความที่แล้วผมได้เล่าถึงการเดินทางไปยังอำเภอ นาทวี เพื่อไปเยี่ยมชมเขาน้ำค้าง ในวันต่อมาคือ วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พวกเราทั้งสามคน คือ ผม พี่แหวน และพี่ปุ๋ยมีเป้าหมายในการเยี่ยมชมตัวเมืองสงขลา เราออกเดินทางแต่เช้า ประมาณ 7 โมง ถึงสงขลาก่อน 7.30 น.เราเริ่มต้น จากการเดินขึ้นเขาตังกวน เพื่อชมความสวยงามของตัวเมืองสงขลา รวมถึงการศักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์บนเขา
จากนั้นเราก้อไปช็อปปิ้งยังตลาดนัดวันอาทิตย์ ตลาดนัดวันอาทิตย์ที่สงขลาเป็นตลาดนัดที่ใหญ่มาก ผู้คนมาซื้อหากับข้าวกับปลากันมาก การเดินตลาดทำให้เราเห็นถึงสภาพความเป็นอยู่ของคน สภาพชีวิต การเดินทางมาที่นี่เลยทำให้เราเห็นถึงสิ่งต่างๆมากมายของคนที่นี่
ต่อมาเราก้อไปหาดสมิหลากัน เกาะหนูเกาะแมวยังเหมือนเดิม ผมชอบสงขลาที่เป็นเมืองที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ตัวเมืองสะอาดและสวยงาม ทำให้การมาที่หาดสมิหลาของผมก้อยังเป็นความสุขทุกครั้ง
ถนนนางงามเป็นอีกถนนเส้นหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ถนนเส้นนี้เป็นถนนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารที่อร่อย ผมถึงกับอุทานมาว่า ถ้าผมมีบ้านอยู่บนถนนเส้นนี้คงดี ผมคงมีความสุขกับการรับประทานอาหารที่อร่อยทุกวันแน่ๆ
วันนี้เราเลือกที่จะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านแต้ อาหารอร่อยมาก แต่ราคาก้อไม่ถูกนะครับ แต่เมื่อเทียบกับรสชาติอาหารผมก้อว่าพอให้อภัยได้ เราทาน ต้มยำแห้ง ปลากระบอกทอด และหมูผัดเต้าหู้ยี้ อืม อร่อยๆทุกอย่าง
เมื่อทานอิ่มแล้ว เราไปสักการะกรมหวงชุมพร รวมถึงการข้ามแพขนานยนต์ ไปเกาะยอ เพื่อชม พิพิทธภัณฑ์ ทักษิณคดีศึกษา ผมว่าเป็นพิพิทธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในภาคใต้ที่เดียว
การเดินทางจงบลงในตอนที่เราขึ้นเขาคอหงส์เพื่อนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โอวว การเดินทางครั้งนี้ดีมากเลย

เขาน้ำค้าง

เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ผมมีแผนนะครับว่า ช่วงบ่ายของวันนี้ ผมจะมีการเดินทางท่องเที่ยวไปยัง อ.นาทวี จ.สงขลา โดยเป้าหมายของการเดินทาง คือ การไปเยี่ยมชมเขาน้ำค้าง โดยมีเพื่อนร่วมเดินทาง คือ พี่แหวน และพี่ปุ๋ย เขาน้ำค้างมีอะไรน่าสนใจหรือ?

พวกเราเริ่มต้นการเดินทาง โดยออกจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ในช่วง เวลาประมาณเกือบบ่ายโมง การเดินทางทุลักทุเลเล็กน้อย เพราะฝนตกอย่างหนักมาก แต่เราก้อยังคงตรงดิ่งสู่จุดหมายที่เรามุ่งมั่นใว้ตั้งแต่แรก

อ.นาทวี เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลา การเดินทางเราต้องเดินทางใช้ถนนสายเดียวกับการเดินทางไปปัตตานี ตลอดทางมีทหารรักษาการตลอด ผมแอบสังเวทใจ ทำไมเราก็คือ มนุษย์เหมือนกัน เพียงแต่ต่างกันที่ความเชื่อทางศาสนา แต่เราก็หิวเหมือนกัน มีความสุข ความทุกข์เหมือนกัน ทำไมเราต้องฆ่าฟันกันด้วยนะ

อ.นาทวี เป็นอำเภอที่ไหญ่มาก ผู้คนคึกคัก ไม่ได้เป็นอำเภอที่น่ากลัวดั่งที่ผมคิดตอนแรก เราไปรับเพื่อนร่วมทางเพิ่มอีก 2 คน ที่เป็นญาติของพี่แหวน ผมว่าคู่สามี ภรรยาคู่นี้ดูน่ารักดีนะ ความสุขของคนเราคืออะไร บางทีการที่เราเสพย์ความสุขในทุกๆปัจจุบันน่าจะเป็นความสุขที่สุด

เราถึงเขาน้ำค้างก็บ่ายมากนะครับ เราเลยเริ่มต้นภารกิจการปีนเขากันละ อย่าพึ่งตกใจนะครับ เขาน้ำค้างเป็นเขาที่โจรจีนคอมมิวนิสในอดีต ขุดเป็นถ้ำภายในภูเขาเพื่อเป็นที่หลบซ่อน ผมว่าการก่อสร้างน่าทึ่งมาก ภายในถ้ำมีห้องต่างๆมากมาย คงต้องใช้แรงกาย แรงใจ และอุดมการณ์อันแรงกล้าในการสร้างถ้ำแห่งนี้มาได้ น่านับถือ

ทุกห้องตั้งแต่ห้องนอนผู้นำ ห้องประชุม ห้องผ่าตัด ห้องยิงปืน ห้องส่งโทรเลข ผมว่าคนยุคก่อนเป็นผู้ที่มีรสนิยม และมีสายตาที่ยาวไกลจริงๆ แต่ห้องที่สุดแสนจะโรแมนติก ก็คือ ห้องหอของคู่แต่งงาน ที่จะอยู่ออกมานอกถ้ำเพื่อให้ทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัวในยามค่ำคืนกลางป่าเขา โอววว ช่างโรแมนติกจัง

ในท้ายที่สุด การสู้รบของโจรจีนก็จบลง โดยการใช้นโยบายที่สันติของรัฐบาลไทย การที่คนไทย มองเห็นถึงความเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน และการชวนพวกเค้ามาร่วมกันพัฒนาประเทศไทย การปราบกองโจรพวกนี้จึงสำเร็จลงด้วยดี

การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ดีมาก บางครั้งการเรียนรู้ประวัตติศาสตร์ เพื่อมาแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน รวมถึงการเข้าถึงความเป็นมนุษย์ เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ก็สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างลงได้............

Friday, September 12, 2008

แรงดึงดูดทางเพศ

ผมได้รับข่าวคราวของอ.ผู้ใหญ่ท่านนึ่งว่าท่านมีอะไรกับนักศึกษาปริญญาโท ผมค่อนข้างช็อกเพราะมองดูอาจารท่านนี้เป็นอาจารย์ที่น่านับถือ วางตัวดีมาตลอด ไม่น่ามาตายน้ำตื่นเช่นนี้เลย

ผมพิเคราะห์และคิดเพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ประกอบอาชีพนี้ และคิดถึงมนุษย์ว่าสิ่งที่มนุษย์ปุถุชนคนนึ่งต้องการคืออะไร อาชีพครูบาอาจารย์เป็นอาชีพที่เป็นผู้ให้ มีความสุขที่ได้ทำอะไรเพื่อคนอื่น อาจารย์ท่านนี้ก็เช่นเดียวกัน ตลอดชีวิตปวารณาตัวเพื่อการสอนและทำเพื่อคนอื่นเสมอ
ผมทราบมาว่า ครอบครัวของอาจารย์ไม่ค่อยมีความสุขนัก ภรรยาของอาจารย์ไม่เคยให้เกียจอาจารย์เลย คอยจับผิด และระแวงอยู่เสมอว่าอาจารย์จะนอกใจ จนเป็นที่เอือมระอา ในหมู่อาจารย์ด้วยกันที่คณะ
การที่นักศึกษาคนนึ่งได้รับการเอาใจใส่และใส่ใจจากอาจารย์เป็นอย่างดีในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา ความรู้สึกเคารพ นับถือและรักใคร่ย่อมเกิดขึ้นจนถึงขั้นมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง(ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า)
แต่เหตุการณ์นี้ได้เตือนผมว่า ผู้ชายกับผู้หญิงมักจะมีแรงดึงดูดเข้าหากันอยู่เสมอ จนบางคนเสียผู้เสียคน เสียชื่อเสียงเพราะแรงดึงดูดอันนี้ จงจดจำใว้ว่าเรามีหน้าที่อะไรและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อะไรที่ไม่ใช่หน้าที่ และจะนำไปสู่การผิดศีลธรรมจงหลีกหนีให้ไกล

Thursday, September 04, 2008

บ้านเด็กกำพร้า

เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว ผมมีโอกาสได้ไปทำบุญที่บ้านคนตาบอด ผมได้อะไรเยอะมากเลยจากการไปในครั้งนี้

ผมโชคดีที่พี่แหวนชวนผมไปร่วมกิจกรรมกับคลื่นวิทยุ 89.5 และ 92 โดยจัดกิจกรรมที่บ้านคนตาบอดที่แถวหาดใหญ่ใน โดยมีดารามาร่วมด้วย คือ มิล่า ขนมจีน และ วงซี - ควิ้น การจัดกิจกรรมดีมาก เป็นอย่างสนุกสนาน อาหารที่นำไปเลี้ยงเด็กตาบอด ก็มี มักกะโรนี ซาลาเปา และไอศกริม

ในตอนท้ายผมอึ้งมาก ตอนเด็กร้องเพลงขอบคุณ ผมถึงกับขนลุกเลยละ มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้วที่ต้องช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสกว่า แต่ดูพวกเค้ากลับมีกำลังใจและไม่ยอมแพ้กับข้อจำกัด ผมกลับมามองตัวเองที่อะไรนิดหน่อยก็ฟูมฟายหมดแรง พอเจอพวกเค้า ทำให้รู้สึกว่า ทำไมเราอ่อนแอจังเลย

ขอบคุณน้องๆที่ทำให้พวกเรามีกำลังใจ และสัญญาว่าถ้ามีโอกาสเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง

Wednesday, August 27, 2008

ความอ้วนมาเยือน

เพื่อนๆเคยรู้สึกแบบผมหรือเปล่าครับ รู้สึกว่าตัวเองตัวบวมขึ้น อึดอัดไปซะหมดเมื่อใส่ชุดอะไร ใช่แล้วครับ ผมกำลังเผชิญกับความอ้วน



เพื่อนเคยรู้สึกไม่ครับ ของบางอย่างมันแฝงด้วยยาพิษแต่มาในรูปของความสุข ผมก้อเช่นเดียวกัน การมีความสุขกับการรับประทานอาหารที่อร่อยทุกเย็น ก้อแลกมาด้วยยาพิษคือ ความอ้วนที่กำลังรุมเร้าผมขณะนี้



ผมมุ่งมั่นและตั้งใจนะครับ ว่าจะพยายามที่จะลดความอ้วนให้ได้ แต่ก้อขอทานอาหารอร่อยแต่ต้องข่มใจทานแต่น้อยๆนะครับ



เพื่อนๆเป็นยังไงบ้าง ทุกคนสบายดีมะ ผมอยากฝากความคิดถึงหาทุกคน

Saturday, June 28, 2008

ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับหาดใหญ่อีกแล้ว


ตอนนี้ผมมาอยู่หาดใหญ่ครบหกเดือนแล้ว ผมเริ่มปรับตัวในหลายเรื่องได้แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอนหนังสือ การใช้ชีวิตที่หาดใหญ่ และการมีความสุขที่ได้อยู่กับตัวเอง


การสอนหนังสือของผมในเทอมนี้ก่อนมิดเทอมผมโอเคนะ ผมมีความสุขกับการสอนหนังสือนักศึกษา ม.อ. มีความสุขที่เห็นแววตาพวกเค้าที่เค้าใจในสิ่งที่ผมสอน รวมถึงผมพยายามที่จะสอนถึงการใช้ชีวิตให้พวกเค้าด้วยโดยพยายามสอดแทรกในบทเรียนให้พวกเค้าเรียนรู้อย่างไม่รู้ตัว


นักศึกษาที่นี่มีทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิมในช่วงแรก ผมไม่ค่อยคุ้นเคยกับนักศึกษาที่เป็นมุสลิมนะครับ แต่ตอนนนี้ดีขึ้น พวกเค้าก้อคือ ลูกศิษย์ของผมที่ผมต้องถ่ายทอดความรู้อย่างดีที่สุด ผมอาจจะไม่ใช่อาจารย์ที่ดีที่สุด แต่ทุกครั้งที่สอนผมเตรียมตัวอย่างดีที่สุดทุกครั้ง


หลังมิดเทอมผมต้องสอนอีกวิชาหนึ่งที่ผมไม่ค่อยถนัด นั่นคือ วิชาเศรษฐกิจไทย ผมเริ่มคิดที่จะดีไซน์วิธีสอนให้น่าสนใจ สิ่งนี้ก้อเป็นสิ่งที่ท้าทาย วิทอีกเหมือนกัน ซึ่งผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด


เด็กที่นี่น่ารัก และตั้งใจเรียนทำให้คนเป็นครูแบบพวกเรามีความสุขที่ได้ถ่ายทอดความรู้ให้พวกเค้า อาชีพที่เป็นผู้ให้เป็นอาชีพที่มีความสุขเหลือเกิน


การใช้ชีวิตที่หาดใหญ่ ทุกเช้าผมจะเดินไปทำงานใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 10 นาที ทานข้าวเช้าที่โรงอาหารวิทยา และเริ่มทำงานช่วง 8-9 โมงเช้า แต่ผมยังแบ่งเวลาทำงานไม่ดีนักซึ่งต้องปรับปรุงนะวิท ทุกเช้าวันอาทิตย์ผมจะมีก๊วนตีแบด ผมมีความสุขจากการได้ออกกำลังกายกับเพื่อนกลุ่มนี้มาก กลุ่มนี้ทำให้ผมมั่นใจว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับผม พวกเค้าคือกำลังใจที่ดี และหลังจากการออกกำลังกายเสร็จพวกเราจะหาอะไรอร่อยทานกัน ผมว่าร้านอาหารในหาดใหญ่มีร้านอาหารเยอะมาก


การได้อยู่กับตัวเอง และบรรยากกาศในมหาลัยต่างจังหวัด ทำให้ผมรู้สึกถึงความสงบ และเตรียมรับกับงานต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


ปล.ผมเตรียมตัวที่จะสอบ TOEFL เพื่อวางแผนการเรียนต่อในระดับปริญญาเอก พอมีใครจะแนะนำเรื่องการสอบให้ผมได้บ้างครับ?

Sunday, June 01, 2008

กิจกรรมและเพื่อนไหม่


ผมพึ่งได้ก๋วนทำกิจกรรมต่างๆนะครับคุ้มมากกับการไปงานสัมมนาและอบรบรมอาจารย์ใหม่ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กัลยาณมิตรคนแรกของผม คือ อ.เจริญ แห่งโครงการสันติศึกษาที่ชวนผมให้ไปร่วมกิจกรรมทำบุญในวันนี้ ผมกับ อ.แหวน แห่งคณะวิทยาศาสตร์ อ.กานแห่งแพทย์แผนไทย เราเลยไปตลาดขอย้ำว่าเป็นตลาดนัดแบบต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวานทีเดียวนะครับ มีของแปลกๆที่ชาวบ้านนำมาขาย สนุกจังเลย ได้ของมาเยอะมาก


เสร็จจากตลาดเรามากินโชคดีแตะเตี้ยมในตัวเมืองหาดใหญ่คุยกันสนุกดี แล้วไปต่อด้วยการไปซื้ออุปกรณ์การสอนหนังสอืของกานนะ กว่าจะหาเจอก้อเหนือยเหมือนกัน วิทกลับมาถึงห้องไม่ค่อยได้ทำงานเท่าไหร่นั่งดูทีวีและนอน


เมื่อเช้าพี่แหวนมารับวิทประมาณสิบโมง เพื่อไปทำบุญที่วัดสมเด็จ ทางไปสนามบิน ผมสนุกกับการได้เปิดหูเปิดตา ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ทำให้ชีวิตที่นี่ของผมเริ่มอบอุ่นขึ้นและมีความหมายมากขึ้น เมื่อนึกว่าพรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วความหึกเหิมที่ได้ทามงาน และคึกที่จะสู้งานอีกเยอะที่รออยู่ แค่นี้ก้อทามให้ชีวิตมีความหมายเหลือเกิน

Thursday, May 22, 2008

แอบค้นหาตัวเอง


ผมเพ่งมองทุกความรู้สึกของตัวเอง ผมว่าชีวิตของเราสิ่งที่เราต้องต่อสู้มากที่สุด คือ การสู้กับตัวเอง หรือจะมีใครเถียงผมบ้าง ผมเริ่มสังเกตอะไรจากข้างในของตัวเอง

ไอ้ตัวอารมณ์นี่น่ากลัวที่สุด คนเราต่างมีหลากหลายอารมณ์จัง บางทีก้อมีความสุขเอามากๆๆ บางทีก้อโกรธดั่งพายุที่พัดกระหน่ำ บางทีก้ออิจฉาริษยาซะเหลือเกิน


พอเราเข้าใจความสุขเหล่านี้ เราเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างนะครับ เข้าใจที่จะรับรู้ทุกความสุขของตัวเอง เห็นใจเพื่อนมนุษย์เพราะทุกคนต่างก้อรู้สึกเช่นเดียวกับเรา


เมื่อเข้าใจดังนั้น ก้อเลยพยายามที่จะแบ่งปันความรักไปให้ทุกๆคน และไม่ลืมที่จะให้อภัยในความโง่เขลาของคนบางคนที่ล่วงเกินเรา ถ้าเราคิดได้แบบนี้โลกคงน่าอยู่ขึ้นอีกมากเลย


ปล.ช่วงนี้ผมโอเคกับการใช้ชีวิตที่หาดใหญ่นะครับ มีเพื่อนมากขึ้น ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ดีของทุกๆคนนะครับ

Thursday, May 01, 2008

ไฟดับ


ในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ ผมเจอกับการที่ไฟฟ้าดับมากกว่าสามครั้งเลยนะครับ เวลาไฟดับพวกเราคิดถึงอะไร หรือกำลังเซ็งกับการไม่ได้ดูรายการทีวี ไม่ได้เปิดแอร์ แต่สำหรับผม ผมมีความสุขกับช่วงเวลานี้จัง


ตอนเด็กผมใช้ชีวิตอยู่ในต่างจังหวัด แม้ว่าตั้งแต่ตอนที่ผมเกิดจะมีไฟฟ้าใช้แล้วก็ตาม แต่ผมมักมีภาพในวัยเด็ก ที่ตอนเด็กมาก เวลาคุณแม่พาพวกเราไปเยี่ยมคุณยาย ในตอนนั้นบ้านยายยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ผมชอบบรรยากาศของการที่ต้องจุดตะเกียง นั่งล้อมวงกันทานข้าว ผมว่าเป็นความรู้สึกที่แสนจะอบอุ่น การไม่มีทีวีในช่วงนั้น ทำให้พวกเรามีกิจกรรมที่บ้านยายเล่นกันอย่างมากมาย อยากย้อนเวลาไปในช่วงเวลานั้นจัง คงสนุกมากๆอีกเช่นเคย


ช่วงไฟดับที่บ้านของผมเอง ทำให้ผมนึกถึงคุณปู่ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว การที่บ้านเราเป็นครอบครัวที่อยู่กันหลายรุ่น เวลาไฟดับเราจึงรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไฟดับ เราจึงเล่นหมากหลุม หรือแอบแม่เล่นไพ่ในหมู่พี่น้องจึงได้สนุกเหลือเกิน (แต่เมื่อแม่จับได้ว่าเราแอบเล่นไพ่แม่จะต้องนำไพ่ไปทิ้งทุกครั้งและพร่ำสอนว่าเล่นการพนันไม่ดี)


ช่วงเวลาที่ไฟดับจึงเป็นช่วงเวลาที่สวยงามของผมนะครับ สวยงามที่ได้คิดถึงวันในอดีต เพื่อจะไม่ยอมแพ้สำหรับวันที่มืดมน

Saturday, March 22, 2008

มุ่งมั่นและสู้ต่อ


ภารกิจต่างทางด้านการเรียนการสอนของผมในเทอนสองก็สิ้นสุดลง พร้อมกับการปิดเทอม ถามว่าสิ่งที่ผ่านมาผมโอเคมั้ย? แน่นอนคำตอบที่ออกมาจากผม คือ ผมโอเคกับอาชีพนี้ การเป็นครู เป็นอาชีพที่เป็นผู้ให้ ทุกครั้งที่เตรียมการสอน แม้ว่ามันจะเหนื่อยแค่ไหน แต่พอคิดถึง ลูกศิษย์ที่เราจะถ่ายทอดความรู้ให้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว


แต่หนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ส่วนตัวผมผมไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง และอัจฉริยะไปทุกเรื่อง ทำให้การเริ่มต้นอาชีพนี้ ผมรู้สึกว่าผมยังสอนไม่ดีนัก เวลาตรวจข้อสอบที่เด็กทำไม่ได้ บางครั้งผมแอบคิดว่า เพราะผมสอนไม่ดีหรือเปล่า บางคนทำคะแนนกันไม่ได้เลย รวมถึงนโยบายของมหาลัยที่เน้นให้อาจารย์ทำงานวิจัย แต่สำหรับผม แค่สอนตอนนี้ยังไม่ดีเลยแล้วจะมีน่าทำงานวิจัยหรือ


ผมทบทวนกับตัวเองเสมอว่าตัวเองทำอะไรอยู่ ตอนนี้ปัญหา คือ การพัฒนาการสอนที่ผมต้องพยามที่จะพัฒนาตัวเอง ผมอยากเป็นคนที่สอนหนังสือสนุกนะครับ วิทเอ้ย! ยังต้องเหนื่อยอีกเยอะ พอคิดว่าตั้งแต่มาที่นี่ เรายังไม่ได้เริ่มงานวิจัยเลย รวมถึงยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน แค่คิดก้อเหนื่อยแล้ว เราจะทำอย่างไรดี?

คงต้องเริ่มต้นจาก การเตรียมการสอนเทอมหน้าให้เสร็จ และเปิดหูเปิดตา หาข้อมูลที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ เชื่อว่าวิททำได้นะ

Saturday, February 09, 2008

ความทรงจำเมื่อสิบปีก่อน

เมื่อวานผมมีโอกาสได้เดินทางไปประชุมสัมมนาที่โรงแรมพาวิลเลียน สงขลา การประชุมใช้เวลาตลอดช่วงบ่าย ตอนเย็นเหล่าคณาจารย์ที่คณะก็พากันไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังริมหาดสมิหลา

การได้กลับมาแหลมสมิหลาอีกครั้งทำให้ความทรงจำเมื่อสิบปีก่อนของผมกลับมา เมื่อสิบปีก่อนผมและเหล่าเพื่อนสมัยมัธยมที่โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช เคยเดินทางมาสมัครเอ็นกลางที่ ม.อ.หาดใหญ่ และพวกเราก้อมาทานอาหารที่ริมหาดสมิหลาที่นี่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าการได้มาเยือนที่นี่จะทามให้ผมคิดถึงเพื่อนเก่า

เพื่อนผมที่มาในวันนั้น ปัจจุบันบางคนเป็นหมอที่มีอุดมการสุดๆ ดูแลคนใข้และไม่เคยเลยที่จะย้ายมาอยู่โรงบาลที่ใหญ่ขึ้น ผมคิดถึงเพื่อนคนนี้จังหลายครั้งที่ผมเหนื่อยผมจะคิดถึง อุดมการ ความมุ่งมั่น และการทามประโยชน์เพื่อประเทศชาติ

ผมนึกถึงเพื่อนที่เป็นวิศวกร ชีวิตเค้าต่างจากเพื่อนที่เป็นหมอ เค้าคิดอยู่เสมอว่าจะต้องหาเงินให้มากที่สุด และกินเที่ยวให้เต็มที่ ผมมองเพื่อนคนนี้ด้วยยอมรับในทางเลือกของเค้า แต่ในอีกมุมผมกลับมองเค้าเพื่อเตือนตัวเอง ว่าการที่เราคลุกอยู่กับอบายมุขในท้ายทีสุด ชีวิตอาจจะไม่น่าพิศมัยก้อได้

ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่ผมไม่ได้พูดถึงในการบันทึกในบทความนี้ แต่เพื่อนทุกคนเป็นครูให้ผม ถ้าคนๆนั้นเป็นผู้ประพฤติดี ผมจะนำเค้ามาเป็นต้นแบบและอยากเป็นคนดีให้ได้แบบเค้า แต่ถ้าเห็นความประพฤติของเพื่อนบางคน ที่มีทัศนะที่ไม่เป็นในแบบที่ผมคิด ผมยอมรับในการตัดสินใจของเค้า และนำสิ่งนั้นมาคิดว่าเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อของอบายมุขแบบเพื่อนคนนั้น

ชีวิตเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ การได้นึกถึงวันเก่าๆ ก้อทามให้เราได้ข้อคิด ในการดำเนินชีวิต เอาใจช่วยเพื่อนทุกคน ขอให้ทุกคนได้เดินทางในทางที่ถูกต้องและดีงาม ขอให้เพื่อนบางคนได้เห็นถึงทางสว่างว่าการเกลือกกลั้วอยู่กับอบายมุขในท้ายที่สุดจะทามให้ชีวิตเราแย่ลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก้อไม่มีสิทธ์ที่จะไปสรุปหรือสอนคนอื่นเพราะทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง........

Wednesday, January 09, 2008

ความสุขของการเป็นครู


ชีวิตผมเริ่มปรับตัวกับการใช้ชีวิตที่หาดใหญ่แล้วนะครับ ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่ผมจะสอนหนังสือผมค่อนข้างเครียดมาก ทุกคนลองคิดดูนะครับ การที่เด็กนักศึกษาในห้องเลกเชอร์ห้องใหญ่มาก โดยมีนักศึกษาถึง 200 กว่าคนทีเดียว กำลังมองเราเปนจุดเดียว กำลังฟังเลียงของเรา และพยายามที่จะทามความเข้าใจกับสิ่งที่เราสอน เหนไม่ครับว่าการเปนครูไม่ใช่เรื่องง่ายเลย


ยิ่งนักศึกษาตั้งใจเรียนมากเท่าไหร่ ผมก้อยิ่งพยายามอย่างมากที่จะสอนพวกเค้าให้ดีที่สุด สายตาที่พวกเค้ามองมา ความตั้งใจที่พวกเค้าช่างขยันเรียน สิ่งนี้เป็นกำลังใจให้ผมมากทีเดียว วันนี้ผมเดินออกมาจากห้องเลคเชอร์ตอน หกโมงด้วยความสุข ความสุขที่เหนนักศึกษาที่เราสอนเข้าใจในสิ่งที่เราอธิบายผมว่าการเปนครูมีเสน่แบบนี้นี่เอง


ปล.หอพักอาจารย์ของผมยังไม่เรียบร้อยผมเลยต้องเทียวไปเทียวมาระหว่างโรงแรมและมหาลัย สังคมอาจารย์ที่ภาควิชาน่าอยู่มากทุกคนคิดถึงเด็กนักศึกษาจะหาสังคมที่น่าทามงานที่ดีแบบนี้ได้ที่ไหนอีกแล้ว

Sunday, January 06, 2008

เริ่มต้นชีวิตใหม่


ในรอบหนึ่งเดือนมานี้ ผมวุ่นวายกับการแก้เล่มวิทยานิพนธ์ และจัดการทีสีสจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ในตอนแรกผมแพลนที่จะทำงานวิจัยใน ธรรมศาสตร์ไปเรื่อยๆ เพราะโปรเจคชิ้นนี้น่าสนใจ รวมถึงท่าน อ.พีระ เจริญพร ก็ให้โอกาสในการทำงานกับผมอย่างเต็มที่ แต่แล้วบทบาทใหม่ของผมก้อก้าวเข้ามา และเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของผมทีเดียว


บทบาทใหม่ คือ การได้มาเป็นอาจารย์ที่คณะเศรษฐศาสตร์ ม.อ.หาดใหญ่ ผมตอบรับงานนี้แบบไม่ลังเลใจ เพราะผมคิดว่า ความสุขของผม คือการได้เดินช้าๆ ซึมซับกับความสวยงามของทุกสิ่ง อยากได้อยู่ไกล้ชิดพ่อแม่ อยากดูแลพวกเค้า คาบแรกที่ผมจะสอนคือ วิชา เศรษฐศาสตร์มหภาค ในเวลา 16.30-18.00 ตื่นเต้นจังเลย!!!


ผมไม่รู้เหมือนกันว่า บทบาทไหม่ที่ผมได้รับผมจะทำได้ดีแค่ไหน แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด......