Saturday, September 29, 2007

กอดสุดท้าย


ผมเขียนบล็อกในตอนนี้ด้วยความรู้สึกเศร้า เป็นห่วง และสิ้นหวัง เพราะในช่วงเวลานี้ผมน่าจะที่ได้ทำอะไรมากมายที่ตัวเองได้วางแผนไว้ แต่ผมก้อต้องติดกับดัก กับความคิดที่ไม่ยืดหยุ่นของคนบางคน นี้เป้นปัญหาแรกที่ทำให้ผมรู้สึกหดหู่ ปัญหาที่สองคือ คุณย่าของผมกำลังป่วยหนักมาก ผมช่วยได้อย่างเดียวคือเอาใจช่วยให้คุณย่าของผมกลับมา กลับมารับรู้ทุกความรู้สึกที่ผมอยากมอบให้ท่าน


ผมจำความได้ตั้งแต่เกิดมา ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวขยาย คือ เราอยู่กัน พ่อ แม่ คุณปู่ และคุณย่า ผมชอบครอบครัวแบบนี้มาก มันเป็นทั้งความรู้สึกที่อบอุ่น ของความรักระหว่างรุ่นต่อรุ่น รวมถึงความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงที่ได้อยู่ร่วมกัน คุณย่าชอบแสดงความรักด้วยการสวมกอด ผมจำอ้อมกอดของคุณย่าได้เสมอ มันเป็นอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น และเมื่อเราไกลกันและได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง อ้อมกอดแทนคำพูดทุกๆคำที่เราอยากพูดต่อกัน มันเป็นคำพูดที่แสนจะอบอุ่นซะเหลือเกิน


คุณย่าของผมป่วยมาได้ประมาณ สามปี ด้วยโรคที่เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยเกินในช่วงที่คุณย่าเป็นลม มีผลให้คุณย่าไม่สามารถพูดได้ รวมถึงความทรงจำของคุณย่าบางส่วนหายไป มันเป็นความทุกข์มากๆที่เราอยากแสดงถึงความรักให้คนๆหนึ่งได้รับรู้ โดยที่บางช่วงเวลาเค้าไม่รู้เลยว่าเราคือไคร?


การกลับบ้านเมื่อคราวที่แล้วของผมจะเป็นการกอดคุณย่าครั้งสุดท้ายหรือเปล่านะครับ ผมเลยต้องฮึดเงือกสุดท้ายเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะนักเรียนเพื่อแก้ทีสีสให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อ ผมจะได้กลับบ้าน ไปทำหน้าที่อีกหน้านึ่ง คือ กลับไปดูแลคุณย่าและกลับไปกอดคุณย่าอีกครั้ง

Tuesday, September 11, 2007

ผมรักการอยู่บ้าน


ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา ชีวิตผมค่อนข้างจะชีพจรลงเท้านะครับ คือ ต้องเดินทางไปหาดใหญ่ เพื่อไปทำธุระอะไรนิดหน่อย เมื่อเสร็จธุระ ผมไม่ลืมที่จะกลับบ้านไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ที่นครศรีธรรมราช แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่สั้นๆที่ได้อยู่กับท่าน แต่ผมก็มีความสุขมากๆ การได้ไปเยี่ยมคุณยายที่ท่านอายุ 99 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรง รวมถึงการได้ดูแลคุณย่าที่สุขภาพไม่ค่อยดีนัก ทำให้ผมได้รู้สึกว่าได้ตอบแทนช่วงเวลาในอดีตที่คุณย่าและคุณยายเคยเลี้ยงดูผมและสั่งสอนผมมาตลอด


ผมมานึกถึงอุปนิสัยส่วนตัวของผมเอง ที่ถ้าเลือกได้ในวันหยุดว่าให้ทำอะไร ผมคงตอบแบบไม่คิดว่าผมเลือกที่จะอยู่บ้าน ชอบที่จะทำกิจกรรมทุกกิจกรรมกับคนในครอบครัว หลังจากผมกลับมาจากปักษ์ใต้ ภารกิจของผม คือ การที่ผมจะต้องทำเป้าหมายของผมให้สำเร็จ คือ การเรียบแก้เวิร์ดดิ้ง ให้ตรงกับที่อาจารย์ นิพนธ์ พัวพงศกร ให้ผมแก้ตามนั้น ตอนแรกผมคิดว่า จะไปนั่งแก้งาน ที่คณะเศรษฐศาสตร์ มธ ดีกว่า แต่พอคิดอีกที่ผมว่า การนั่งแก้งานอยู่ที่บ้าน น่าจะให้ความรู้สึกที่ดีกว่า


บ้านที่พักในกรุงเทพ ตั้งอยู่ที่ชานเมือง หลังเล็กๆ แต่ผมรู้สึกถึงความรู้สึกอบอุ่นที่อยู่ในบ้านหลังนี้ รอบบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ที่เขียวขจี ผมเลือกที่จะเปิดผ้าม่าน รอบบ้าน ให้ลมพัดเข้ามา พร้อมทั้งเห็นถึงความสดชื่น ของเหล่าต้นไม้ ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้ดูดดื่มกับความกลมกลืนของธรรมชขาติ ชีวิตช้าสักนิดแต่ได้ดูดดื่มกับธรรมชาติ ผมว่านี่หละคือคุณภาพชีวิตที่ผมเลือกสรรค์


การได้อยู่บ้านผมเลือกที่จะลองทำกับข้าวกับปลาง่ายๆทานเอง แม้ว่าฝีมือทำกะข้าวผมจะไม่ได้เรื่องเลยนะครับ แต่ผมว่า สิ่งนี้ทำให้เรารีแลกนะ เลือกที่จะทำในสิ่งที่เราชอบ แม้ว่าบางเมนูจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่ก้อใช้เวลาเหมือนกันนะครับ ทำให้ผมนึกขอบคุณ แม่ ที่ทามอาหารให้เราทานตลอด คงไม่ง่ายนักที่จะต้องดีไซด์เมนูต่างๆให้พวกเรารับประทาน รวมถึงปัจจุบัน ยังมีอาหารจากนครมาฝากเราเสมอ ผมซาบซึ้งในสิ่งที่แม่ทำนะครับ


การอยู่บ้านของผมจึงเป็นการปฎิบัติธรรม การดื่มดำกับธรรมชาติรอบบ้าน และคิดรอบคอบในสิ่งที่ตัวตัวเองจะทำ และการเดินช้าๆบ้าง ก็ทำให้เห็นถึงสิ่งสวยงามรอบตัว เพราะเหตุนี้นี่เอง ผมเลยรักการอยู่บ้านด้วยประการดังกล่าว