Wednesday, January 24, 2007

น้อยใจ.........


น้อยใจอาจจะคำที่แสดงความรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้รับความพอใจบางอย่าง โดยส่วนตัวของผมแล้วผมมักไม่ค่อยน้อยใจใคร ยกเว้นคนในครอบครัว หรือเพื่อนที่สนิท ถ้าคนๆนั้นได้รับการแสดงความน้อยใจจากผม นั้นย่อมแสดงให้เห็นว่าผมเริ่มให้ความสำคัญกับคนๆนั้น

การน้อยใจเกิดจากการทำวิทยานิพนธ์ของผมนั้นเอง การเดินทางของวิทยานิพนธ์ของผมได้เดินทางผ่านการเก็บข้อมูลอย่างเหนือยแต่แฝงไว้ด้วยความสนุก เหตุของการน้อยใจของผมเริ่มจากตรงนี้เอง ด้วยนิสัยการเป็นคนไม่ง้อใคร เพราะผมคิดว่าทุกอย่างในชีวิตของเรานั้น เราสามารถจัดการได้ เพียงแต่ว่าถ้ามีคนมาช่วย ก้อทำให้เราเบาแรงลง ผมจึงแค่ชวนผองเพื่อนและน้องๆมาเก็บข้อมูลกับผม แต่ก้อไม่ได้จำจี้จำไชนะครับ เพราะผมรู้ว่าทุกคนต่างมีภาระและมีสิ่งที่ต้องทำกันทุกคน

แต่สวรรค์ก้อคงไม่กลั่นแกล้งผมซะทีเดียวอยู่ๆก้อมีเพื่อนหน้ามล ก้าวเข้ามาบอกว่าเราจะช่วยแกเอง เพื่อนคนนั้น คือนายโอมนั้นเอง ผมซาบซึ้ง และขอบคุณ ผมรู้ว่าเพื่อนคนนี้ต้องลำบากตื่นแต่เช้า และออกจากบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อให้มาตามนัดตรงเวลา และยอมเสียโอกาสการบริหารงานโรงแรมย่านปทุมธานี ซึ่งโอมก้อเป็นหัวแรงใหญ่ในการช่วยธุรกิจที่บ้าน แต่เพื่อนรักของผมคนนี้ก้อบอกเสมอว่าเราจะช่วยแก

น้องหลีดเป็นน้องที่ผมต้องขอบคุณมากๆที่อุตสาห์มาช่วย ทั้งยังต้องอดทนในความไม่ได้ดังใจของแม่ค้าบางคน รวมถึงน้องลพ ที่ผมซาบซึ่ง เพราะในวันหนึ่งขณะที่ผมกำลังเก็บข้อมูลที่วงเวียนใหญ่ ก้อได้รับสายจากลพบอกว่าพี่อยู่ใหนเดียวผมไปช่วยเก็บนะ แค่นี้น้องคนนี้ก้อได้ใจผมไปแล้ว อีกคน คือ ม๊าย น้องที่นิสัยดีที่มาช่วยผมเสมอทำให้งานเสร็จอย่างรวดเร็วขึ้น ด้วยคำพูดที่ว่าสงสารพี่วิทเลยมาช่วย แค่นี้ผมก้อโอเลยนะม๊าย

การเก็บข้อมูลของผมเสร็จแล้ว ผมเลยมีไอเดียร์ ที่จะจัดปาร์ตี้เล็กๆสำหรับพวกเรา ในเมื่อตอนที่ทุกข์ ทุกคนก้อมาร่วมแรงร่วมใจมาช่วยเหลือกัน เมื่อมีความสุข เราก้อน่าจะเสพย์ความสุขร่วมกัน ผมนัดหมายทุกคนกันที่ฟอร์จูน เพื่อไปทานอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน คุโรดะ ย่าน อาร์ซีเอ ที่ผมเลือกร้านนี้เพราะเป็นร้านอาหารที่อร่อยและที่สำคัญเป็นบุฟเฟ่ ไม่ต้องมานั่งเกรงใจกัน ว่าอยากกินอะไรก้อสั่งกันไป อาหารก้อถือว่าอร่อยทีเดียว ผมน้อยใจว่าน้องลพ และน้องม๊ายไม่ได้มาร่วมงานในวันนี้ เหตุผลของน้องลพฟังขึ้นเพราะมีเรียนกะทันหันแต่ผมก้อเข้าใจลพว่าเกรงใจผม ส่วนม๊ายกลับไม่รับสายผม ในวันนัดในวันนี้ ผมรู้ว่าน้องทุกคนนิสัยดี และเกรงใจว่าผมอาจจะต้องจ่ายแพง แต่ในมุมของผม เมื่อผมบอกกับใครว่าไปกินข้าวกันผมเลี้ยงเอง ความรู้สึกของผมคืออยากเลี้ยงคนๆนั้นจริงๆ อยากขอบคุณ และโดยส่วนตัว ผมประเมินตัวเองอยู่แล้ว ว่าผมจะเลี้ยงเพื่อนๆในระดับใหนที่ผมคิดว่าผมไม่ลำบากและเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะมอบให้ วันนี้ผมยังแจกสินนำใจเล็กๆน้อย ที่ทุกคนอุตสาห์มาช่วยผม ทุกอย่างมีต้นทุนเสมอ การที่เพื่อนมาช่วยผม เพื่อนย่อมเสียโอกาสในการทำงานอย่างอื่น เหตุน้อยใจเกิดขึ้นตรงนี้เอง แอบงอนเล็กๆ ที่น้องม๊ายเบี้ยวผมนั้นเอง

แต่หลังจากกลับมาถึงมหาลัยก้อเจอน้องลพ ผมบอกลพว่าจงรับ อะไรเล็กน้อยจากผมนะ กว่าจะกล่อมให้ลพรับได้ก้อเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะ แต่ผมมีความสุข ที่เป็นผู้ได้มอบสิ่งที่คนๆนั้นควรได้รับ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆก้อตาม แต่ก้อเป็นน้ำใจจากผมนะน้องลพ

ส่วนม๊ายยังไม่เจอแต่คิดว่า เมื่อเจอกันจะต้องบ่นน้องคนนี้ซักหน่อย ว่าสัญญากับเราไว้แล้วว่าจะไปปาร์ต้ด้วยกันในวันนี้แต่มาเบี้ยวกันได้ แล้วววววไว้เจอกันน้องม๊าย

Tuesday, January 16, 2007

Crying out Love, in the Centre of the World :พร่ำหัวใจเพรียกหารักที่กลางโลก


ความรักจะอยู่กับเรานานแค่ใหนกันนะ เป็นวลีที่ผมตั้งคำถามจากการได้ดูหนังเรื่องนี้ ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนครับ ดูแบบไม่ค่อยทราบซึ้งในความสวยงาม ในโครงเรื่องอาจจะเป็นเพราะวันนั้นเป็นวันที่ดูค่อนข้างฉุกละหุกในหลายๆเรื่อง จนเมื่อผมได้ไปเดินครองถม และลองซื้อหนังเรื่องนี้มาดูอีกครั้งหนึ่งไม่ต้องแปลกใจเลยว่าการดูครั้งที่สองของผมกลับทำให้ผม ประทับใจ เจ็บปวด และลุ้นว่าในท้ายที่สุดบทสรุปของเรื่องนี้จะจบลงเช่นไร

เรื่องดำเนินไปในตอนแรก โดยมีพายุใต้ฝุ่นหมายเลข 29 ได้พัดเข้าสู่เกาะคิวชู ซึ่งใต้ฝุ่นลูกนี้เป็นปมของเรื่องได้เป็นอย่างดีเพราะเมื่อ 17 ปีก่อนพระเอกของเรื่องได้เกิดความรักขึ้น และความรักไม่สมหวัง การพัดมาของใต้ฝุ่นก้อทำให้ริทซึโกะ ต้องทำภารกิจสุดท้ายคือการนำเทปคาสเส็ตกลับไปให้เจ้าของโดยหารู้ไม่ว่าชายหนุ่มที่เค้าตามหาก้อคือ คู่หมั้นของเค้านั้นเอง

การดำเนินเรื่องราว ใช้การบันทึกเสียงในเทปคาสเส็ตส่งหากัน ระหว่าง อากิ และ ซากุ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่สวยงามมาก ผมเคยคิดกับตัวเองว่าเมื่อผมได้เจอผู้หญิงที่ผมมั่นใจว่าจะแต่งงานด้วย ผมจะเขียน ไดอารี่หาเค้าทุกวันนะ ซึ่งเมื่อมาดูเรื่องนี้ทำให้เติมเต็มความคิดของผมในเรื่องการเขียนไดอารี่ยิ่งจขึ้นนะครับ การเล่าเรื่องทำให้เราเข้าใจเหตุการณ์ ความรักของทั้งสองในช่วงเวลานั้น ทำไมความรักช่างดูสวยงานและยิ่งใหญ่เหลือเกินนะ ชักอยากจะลองมีความรักบ้างจัง

ความสวยงามของความทรงจำ การผูกเรื่องได้อย่างงดงาม การใช้สัญลักษณ์ ความรักที่ยืนยงและความทรงจำเก่าๆ โดยชายเจ้าของร้านถ่ายรูป สัญลักษณ์ของของอากิสาวคนรักเก่า กับซากุที่เคยไปพักยังบ้านร้างบนเกาะแห่งหนึ่งทำให้ผมพอทราบว่าความรักของทั้งสองจะไม่สมหวัง

ผมทราบซึ้ง และคิดถึงตัวเองว่า ความรักของตัวเองไม่เคยหายไปไหน ยังอยู่ในใจของผมแต่สิ่งเหล่านี้ คือ บทเรียนให้ผมได้ก้าวเดินต่อไป เพื่อนๆละดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง แต่ผมรับประกันได้ว่าทุกคนจะมีความสุขเมื่อได้เสพย์หนังเรื่องนี้ ขอให้มีความสุขกับการได้ดูหนังเรื่องนี้นะครับ