Wednesday, December 23, 2009

ทำหน้าที่


ในช่วงปีใหม่นี้ ผมวางแผนว่าในช่วงวันที่ 28-30 ธ.ค. 52 ผมจะลาหยุด เพื่อได้ใช้เวลาอยู่อยู่กับครอบครัวที่นครศรีธรรมราชเป็นเวลาที่นานขึ้น แต่แล้วแผนการก็เปลี่ยนไป ผมมีงานประชุมงานวิจัยในวันที่ 28 และประชุมของสาขาในวันที่ 29 ทำให้แผนการที่วางแผนไว้เลยต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมด

ตอนแรกก็แอบคิดว่าในเมื่อเราตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าเราจะลา ดังนั้น ก็จะลาละ แต่เมื่อมาคิดให้มากขึ้น  สิ่งที่ต้องทำในทั้งสองวันนั้นเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ และที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าว ก็ยังไม่ใช่วันหยุด

ผมเลยเปลี่ยนแผนใหม่โดยจะกลับบ้านในวันที่ 30 ธค.ซึ่งเป็นวันเกิดผมเอง และอยู่บ้านน้อยลง แต่มองในแง่ดี ผมก็มีเวลาได้เคลียร์งานหลายอย่างที่คั่งค้าง และที่สำคัญผมไม่ได้ละเลยหน้าที่ของตนเอง พอเริ่มเปลี่ยนวิธีการคิดใหม่ความรู้สึกเซ็งที่เกิดก่อนหน้านี้ก็หายไป

คนเราเกิดมาเพื่ออะไรกันหรือ เมื่อรู้คำตอบแล้วว่าคนเราเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ของตัวเองผมก็รู้ว่า สิ่งที่ผมควรทำคืออะไร

Tuesday, December 15, 2009

เริ่มนับถอยหลัง


อีกไม่กี่อาทิตย์จะเป็นช่วงปีใหม่แล้วนะครับ  ตอนนี้ผมใจจดใจต่อกับการที่จะได้เฉลิมฉลองช่วงเทศกาลดังกล่าว และที่สำคัญช่วงเวลาไกล้กันนี้ก็เป็นช่วงวันคล้ายวันเกิดของผมด้วยนะครับ

เหตุใดผมจึงตั้งวหน้าตั้งตารอเทศกาลดังกล่าว คงเป็นเพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าวผมจะได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่  ได้สนุกสนานกับพ่อแม่ พี่น้องและบรรดาญาตๆที่มากันเต็มบ้าน  และเม่อถึงวันเกิด ผมไม่ลืมที่จะระลึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ ถ้าไม่มีพวกเขา ก็คงไม่มีผมในวันนี้

ช่วงเวลานี้ แถวบ้านผมคือที่ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช จะมีงานรื่นเริงประจำปี คืองานปีใหม่ที่จัดมามากกว่า 30 ปี นั่นคือ ตั้งแต่ผมลืมตามองงดูโลกใบนี้ ผม ก้อได้เที่ยวงานดังกล่าวแล้ว แม้ว่าเมื่อโตขึ้น ความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เที่ยวงานน้อยลง แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้คือ การได้ระลึกถึงช่วงเวลาในวัยเยาว์ ได้ระลึกถึงพ่อแม่ รวมถึงพี่เอกและน้องนุช

ความมหัศจรรย์ของมนุษย์คงเกิดจากสิ่งนี้เอง คือการได้ระลึกถึงวันที่มีความสุขในอดีตและนำสิ่งนี้มาเป็นพลังในการดำเนินชีวิตต่อไป

Wednesday, December 09, 2009

เรื่องไม่สบายใจ


ตอนนี้ผมมีบางเรื่องที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจนัก  เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปีแล้วนะครับ ผมไปรับงานวิจัยมาชิ้นหนึ่ง  แต่พอทำไปทำไป ปรากฏว่า ผมกลายเป็นFree rider ก็คือไม่คอ่ยได้ช่วยงานเพื่อนคนนี้ซักเท่าไหร่นัก

ผลที่ตามมา คือ เพื่อนร่วมงานคนนี้มึ่นตึงและไม่คุยกะผมนะครับ  แล้ววิททำไงละ ก็พยายามที่จะถามถึงงาน ถ้าถามใจผมผมไม่ชอบการที่เป็นที่ไม่ช่วยงานคนอื่น ผมไม่สบายใจนักในเรื่องนี้

ผมเริ่มวิเคราะห์ว่าปัญหาอันนี้มันเกิดได้อย่างไร ก็เกิดจากการที่เราทั้งสองยังไหม่มากกับการทำงานวิจัย การแบ่งงานกันทำก็เลยยังไม่ชัดเจนนัก  ผลก็เลยผมกลายเป็นคนกินแรงงเพื่อนไป นี่เป็นสิ่งที่ต้องเก็บมาเป็นบทเรียน

ตอนนี้ผมพยายามที่จะทำให้สถานการณ์ของผมและเพื่อนร่วมงานดีขึ้น แต่คงยาก เพราะเธอไม่ค่อยอยากจะคุยกับผมนัก บางทีคนเราก็แปลกนะครับ อีกไม่เกิน 100 ปี เราก็จะตายจากโลกใบนี้ไปแล้วทำไมต้องเบียดเบียน โกรธและเกลียดกันด้วยนะ

ถ้าถามผมผมแค่รู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยงานเพื่อนคนนี้เลย แต่ผมให้อภัยกับพฤติกรรมบางอย่างที่ผมไม่ชอบนักกับการกระทำของเค้า และจงจดจำไปนะวิทว่าเราจะไม่กระทำพฤติกรรมดังกล่าวกับคนอื่นและถ้าได้ทำงานชิ้นตอ่ไปจงทำให้มากกว่าคนอื่น  แต่สำหรับตอนนี้ผมอยากหาทางออกสำหรับงานนี้ให้ดีที่สุด............

Tuesday, October 27, 2009

กลับไปเยี่ยมกัลยาณีศรีธรรมราช

เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 52 ที่ผ่านมา ผมถือโอกาสกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อ แม่ เลยถือโอกาสกลับไปเยี่ยมโรงเรียนที่เคยสำเร็จการศึกษา หลายๆครั้งที่ผมกลับบ้าน ผมเพียงแต่ผ่านหน้าโรงเรียนแต่ไม่เคยเข้าไปในโรงเรียนเลย

วันนี้ก็เลยเป็นโอกาสพิเศษที่ได้กลับไปเยี่ยมอาจารย์ กลับไปดูบรรยากาสในปัจจุบันของโรงเรียน โรงเรียนเราเปลี่ยนไปมาก ดูทันสมัยขึ้น ห้องเรียน อาคารเรียนเปลี่ยนไปในทางที่ดีมาก อาจารย์รุ่นที่ผมเรียนหลายคนเกษียณไปมากทีเดียว
แต่ผมก็ได้เจออาจารย์หลายท่านนะครับ ผมมีความสุขจังที่ได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง

ภาพในวัยเด็ก มิตรภาพที่ผมเคยได้รับสมัยเรียนที่นี่เป็นความทรงจำที่แสนจะวิเศษ วิชาความรู้ที่เป็นพื้นฐานให้ผมได้ก้าวจนถึงวันนี้ ผมไม่เคยลืมเลยว่า กัลยาณีฯเป็นส่วนหนึ่ง และผมบอกกับตัวเองเสมอว่า ถ้ากัลยาณีฯมีอะไรที่ผมพอจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือโรงเรียน ผมยินดีและเต็มใจที่จะช่วยนะครับ

ผมเดินออกจากโรงเรียนในวันนี้ด้วยความสุข และบอกกับตัวเองเมื่อก้าวเดินออกไปในวันนี้ผมจะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมให้มากที่สุด ให้สมกับการเป็นลูกนางฟ้า

ขอบคุณกัลยาณีฯสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างครับ

Wednesday, September 30, 2009

ความเมตตา


ในช่วงสองสามวันนี้ผมมีเรื่องที่ทำให้ผมต้องครุ่นคิด และทบทวนอะไรบางอย่าง  เรื่องมีอยู่ว่า มีนักศึกษาคนหนึ่งติดพนันฟุตบอล  จนแอบเอารถมอเตอร์ไซด์รุ่นพี่ไปจำนำ  ในท้ายที่สุดเรื่องก้อแดงขึ้นมา ทำให้นักศึกษาคนนี้ต้องหลบหน้าทั้งรุ่นพี่  เพื่อนๆและรวมถึงการไม่เข้าเรียนหนังสือ

พวกเราเหล่าอาจารย์ได้นำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อหาบทสรุปให้กับเด็กคนนี้ว่าเราจะเอาเค้าอยู้ในคณะหรือจะให้นักศึกษาคนนี้ออกไปเริ่มต้นใหม่ที่อื่น ที่ประชุมแบ่งออกเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายที่จะเอาเค้าอยู่ให้เค้าได้เริ่มต้นใหม่ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง กับอีกฝ่ายมองว่าการให้เค้าไปหเริ่มเรียนที่ไหม่น่าจะดีกว่าผลปรากฏว่าฝ่ายหลังเป็นฝ่ายชนะ นักศึกษาคงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่อื่นจริงๆ

ในมุมมองของผม ต่อให้ลูกศิษย์จะโกหก แย่แค่ไหนผมจะให้โอกาสเค้าเสมอ ผมคิดเสมอว่า คนเราเมื่อทำผิด เป็นธรรมดาที่สติจะแตก และยังไม่สำนึกผิดแน่ๆ แต่ตอนนี้เรากำลังจะให้บทเรียนกับเค้าโดยให้เค้าออกไปเรียนที่อื่น ทั้งๆที่พวกเรายังไม่พยายามที่จะเยียวยาเค้าก่อนหรือเราต้องการเพียงนักศึกษาที่ดีและตั้งใจเรียนเท่านั้นหรือ  แม้ว่าอาจารย์หลายคนจะบอกว่าการตัดสินใจเช่นนั้นคือการได้ให้โอกาสเค้าอย่างเต็มที่

เรากำลังโยนปัญหานี้ออกไปเป็นปัญหาของสังคม  แต่ไม่ได้คิดที่จะแก้ไขเลย ขอให้นักศึกษาคิดให้ได้นะครับ และกลับเป็นคนดีของสังคมต่อไป

ผมในฐานะครูจะเอาใจช่วยถึงที่สุดนะครับ สู้ๆๆๆกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่นะครับ

บางครั้งความเมตตาน่าจะเป็นคุณธรรมที่มากที่สุดที่ครูควรมี  ผทเคารพในการตัดสินใจของทุกคน

Friday, September 04, 2009

การให้อภัย

วันนี้หลังจากผมทำหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำกลุ่ม PBL ของนักศึกษาเสร็จแล้ว ผมใช้เวลาในการทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ และนัดทานข้าวกับกาญจน์เพื่อนเก่าสมัยมัธยม โดยผมขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวกาญจน์เนื่องในโอกาส กาญจน์จะย้ายที่อยู่ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ตรัง


การไปทานข้าวกับกาญจน์ มีหลายๆเรื่องที่เราคุยกัน ไม่ว่าความทรงจำในวัยเยาว์ของพวกเรา เพื่อนวัยเด็กมีความพิเศษนะครับ เป็นเพื่อนที่โตมาพร้อมๆกัน เราได้เห็นพัฒนาการ และความสวยงานในมิตรภาพ


ระหว่างที่เราคุยเรามาหยุดที่เรื่องที่ยังอยู่ในใจของกาญจน์ คือเรื่องของก้าว ในอดีตกาญจน์เคยมีแฟนและผู้ขายคนนั้นคือก้าวนั่นเอง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ในท้ายที่สุด สองคนนี้ก้อเลือกเดินคนละเส้นทาง กาญจน์ยังรู้สึกผิดเสมอในเหตุการณ์ดังกล่าว


วันนี้ผมเลยเป็นคนกลางที่พยายามที่จะทำให้มิตรภาพของเพื่อนทั้งสองยังคงสวยงามเสมอ ผมต่อโทรศัพท์ถึงก้าว  พร้อมทั้งขออโหสิกรรมในเรื่องที่กาญจน์เคยกระทำ ก้าวเป็นเพื่อนที่น่ารักมาก ก้าวให้อภัยกาญจน์ด้วยใจจริง ผมเลยให้กาญจน์ได้คุยกับก้าวโดยตรง


แผลที่เคยอยู่ในใจของกาญจน์ตอนนี้ได้รับการรักษาแล้ว ผมมีความสุขที่ได้เป็นผู้ประสานสิ่งนี้ให้เกิดขึ้น  การให้อภัยเป็นความรู้สึกที่วิเศษมากทั้งผู้ถูกกระทำและผู้โดนกระทำ อย่างน้อยแผลที่ไม่เคยรักษาได้กลับได้รับการเยียวยา


ขอบคุณเพื่อนทั้งสองที่ยังแคร์กันอยู่เสมอ แม้ว่าสถานภาพจะเปลี่ยนไป แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อยู่เสมอ ขอบคุณถึงความหมายของการให้อภัยที่ทำให้เพื่อนทั้งสองของผมได้รู้จักกับความหมายของสิ่งเหล่านี้

Monday, August 17, 2009

ช่างหัวมัน

หลายๆครั้งที่คนเรามักจะเกิดความทุกข์นะครับ โดยความทุกข์ที่เกิดขึ้นบางครั้งเกิดจากการ การกลัวอนาคตที่มาไม่ถึง การแคร์คนที่ไม่สมควรแคร์มากเกินไป การที่ตั้งความหวังไว้ว่าคนทุกคนในโลกใบนี่ต้องรักเรา ฯลฯ

การคิดสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความทกข์ ก่อนหน้านี้ ผมก็เผชิญกับความทุกข์เช่นเดียวกัน คือ ผม แคร์คนทุกคนยกเว้นตัวเอง ความทุกข์เลยเกิดขึ้นกับผม รวมถึงการกลัวสิ่งที่ยังมาไม่ถึง กลัวจะทำงานได้ไม่ดี กลัวโน่นกลัวนี่

จนวันหนึ่งพี่แหวนซึ่งเป็นอาจารย์รุ่นพี่ที่ผมสนิท ทนไม่ได้เลยซื้อคำกลอนของท่านพุทธทาสมาให้ โดยความหมายของคำกลอนจะบอกว่า ทุกอย่างช่างหัวมัน แล้วชีวิตเราจะดีเอง ผมคิดได้ในทันใด และยิ้มออกว่า เรานี่ช่างโง่เขลาเสียจริงๆ

จงทำตามหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด  ส่วนใครจะว่าอย่างไรมันเป็นเรื่องของเค้า ตัวเราเท่านั้นที่รู้ว่าเราเป็นใคร และกำลังทำอะไรอยู่ อย่าเอาคำตัดสินของคนอื่นมาทุกข์เลย เพราะถ้าเราแคร์สิ่งนี้ ตัวเราจะเป็นคนที่ทุกข์สุด

สู้ต่อไปนะวิท จงทำตามอุดมการณ์ตัวเองที่ตั้งใว้  อย่าให้สิ่งเล็กน้อยแค่นี้มาทำให้เรายอมแพ้จงสู้ และเชื่อว่าวิททำได้

Friday, August 07, 2009

ใช้เวลากับแม่และน้องนุช

เมื่อวันศุกร์ที่ 31 กรกฏาคม ที่ผ่านมา แม่และน้องนุชมีธุระที่สงขลา แม่ก็เลยถือโอกาสมาหาวิทด้วย จริงๆแล้วผมตั้งใจมาซักหนึ่งนะครับ ว่าผมจะกลับบ้านที่ ฉวาง นครศรีธรรมราช แต่ด้วยภารกิจต่างๆผมเลยไม่ได้กลับบ้านซะที


การมาของแม่นำมาซึ่งความสุขมาให้วิทมากเลยนะครับ  แม่มาถึงหาดใหญ่ประมาณ บ่ายสองโมงกว่าๆแต่วิทมีประชุม ก็เลยให้แม่ไปรอที่แฟรตที่วิทพัก กว่าจะประชุมเสร็จประมาณ 5โมง วิทรีบตรงดิ่งกลับบ้านเลยนะครับ ผมอยากใช้เวลาทุกนาทีอยู่กับแม่ให้มากที่สุด


กลับมาถึงที่แฟรตแม่เตรีบมของมาให้วิทเยอะมากเลยนะครับ ผมรู้สึกอบอุ่นใจที่มีแม่และน้องนุชเมื่อกลับมาถึงห้อง วิททานอะไรนิดหน่อยก่อนที่เราจะเดินทางไปสงขลา


ถึงที่สงขลาก็ประมาณเกือบหกโมงนะครับ เราไปกินข้าวกันที่ร้านแต้ ร้านอาหารจีนชื่อดังที่สงขลาซึ่งอยู่แถบถนนนางงาม อาหารก็อร่อยนะครับ แล้วกลับมาที่โรงแรม ตลอดคืนผม แม่ น้องนุชเราคุยกันทั้งคืนนะครับ


ผมมักจะนึกเสมอว่าเวลาของพวกเรามันสั้นนักดังนั้นเราต้องรีบทำให้ทุกเวลาที่เราอยู่ด้วยกันเต็มไปด้วยความสุข และจะจดจำช่วงเวลาที่มีคุณค่านี้ใว้เสมอ

Thursday, July 23, 2009

สุขสันต์วันเกิด

วันนี้เป็นวันสำคัญของเพื่อนผมคนหนึ่งนะครับ คือ เป็นวันเกิดของก้อยเพื่อนรัก ผมไม่ลืมที่จะโทรหาก้อยตั้งแต่เช้า เสียงของก้อยที่บอกว่า วิทเป็นคนแรกที่โทรมา

สำหรับผมแล้วทุกๆเทศกาลที่สำคัญ ของคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทผมไม่ลืมที่จะโทรหาเค้า สาเหตุที่ต้องโทรไปมีหลายสาเหตุประเด็นแรกผมอยากให้เค้ารู้ว่าพวกเค้าคือคนสำคัญ และผมยังระลึกถึงพวกเค้าอยู่เสมอ

ประการที่สอง ผมอยากแบ่งปันความรักและความห่วงใยมาสู่พวกเค้า ความรักเป็นสิ่งที่วิเศษยิ่งให้ความรักก็เหมือนยิ่งได้ความรักนั่นกลับมา


ประการที่สาม ผมเพียงอยากบอกพวกเค้าว่า ไม่ว่านานแค่ไหน พวกเค้าจะมีผมเสมอที่จะยืนและให้กำลังใจพวกเค้า คอยมองดูความสุข ความสำเร็จ รวมถึงมีบ่าที่อุ่นๆคอยซับน้ำตาให้พวกเค้าเสมอ

วันนี้จึงเป็นวันที่แสนจะปิติที่ได้คุยกับก้อยเพื่อนรัก ขอให้แกมีความสุข พวกเราจะเป็นกำลังใจให้แกเสมอ

Wednesday, July 15, 2009

สุขภาพ

เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมใช้เวลาในการอบรมเรื่องเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม และถือโอกาสได้คุยกับเพื่อนสมัยเรียนเสดสาดที่ เกษตร มีหลายๆเรื่องที่ทำให้ผมต้องฉุกคิดอะไรบางอย่าง

นั้นคือ เพื่อนรุ่นพี่ของผมป่วยด้วยโรค เบาหวาน ขณะที่อายุพึ่งจะแค่ 30 ปี แม้ว่ารุ่นพี่คนนี้ของผมจะไม่พูดว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่ผมก็รับรู้ได้ถึงความกังวลใจในเรื่องดังกล่าว

ผมคิดถึงเวลาเก่าๆของพวกเรา กลุ่มพวกเรารับประทานอาหารอย่างเต็มที่ ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องสุขภาพ เรามักจะตระเวณกินร้านโน้นทีร้านนี้ที และอาหารที่ทานก็เป็นอาหารที่มัน และไม่ดีต่อสุขภาพเลย
จากเหตุการณ์ดังกล่าวกลุ่มพวกเราเริ่มหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น บางทีความสุขไม่ได้เกิดจากการรับประทานอาหารเพียงอย่างเดียว ความสุขยังเกิดจากการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
เมื่อร่างกายแข็งแรงก้อคิดที่จะใช้พละกำลังของตัวเองทั้งหมดในการทำงานเพื่อประเทศชาติ และได้รับรู้ถึงการมีคุณค่าของตัวเองนั้นเอง
เรามาหันดูแลสุขภาพกันเถอะก่อนที่อะไรจะช้าไปแล้ว
ปล.เอาใจช่วยพี่ชัยนะครับ กับการหันมาดูแลตัวเองและผมเชื่อว่าพี่ทำได้

Friday, June 26, 2009

ความกลัว

ผมเป็นโรคอย่างหนึ่งนะครับ คือ ชอบกลัวสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นกลัวการที่ทำงานออกมาไม่ดี กลัวและไม่มั่นใจว่าตัวเองจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้หรือไม่ ความกลัวมีอิทธิพลกับผมมากทีเดียว

ความกลัวทำให้ความสุขของผมลดลง ในช่วงเวลาที่ความกลัวมาเยือน จิตใจของผมจะแกว่งไม่ปกติ ขาดความเชื่อมั่นอย่างเห็นได้ชัด คำพูดคำจาไม่เต็มเสียง

เมื่อขาดความมั่นใจการกระทำต่างๆก็พลอยไม่มั่นใจตามไปด้วย ผมอยากก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆตรงนี้ไปให้ได้

วิธีการแก้ปัญหาของผม ผมไม่ได้แก้ที่ประเด็นความกลัว แต่ผมกลับต้องการใครสักคนมาเป็นกำลังใจให้ผม ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท กลุ่มคนพวกนี้ทำให้ผมมีกำลังใจ แต่ความกลัวไม่ได้ลดลง

ผมพยายามจะแก้ปัญหานี้ให้ได้โดยพยายามบอกตัวเองว่า ตัวเองมีความสามารถและสามารถที่จะทำสิ่งต่างๆได้เป็นอย่างดี รวมถึงถ้าเราทำอย่างดีที่สุดแล้วและมีความผิดพลาดขอให้นำข้อผิดพลาดนั้นมาเป็นครูและนำมาแก้ไขในภายหลัง

และการกลัวความผิดพลาดสาเหตุที่สำคัญ คือ เกิดจากยึดในตัวตนมากเกินไป ขอให้วิทคิดเสมอว่างานที่ทำเป็นหน้าที่ มีความสุขที่ได้ทำตามหน้าที่ ถ้าได้ผลดีมอบความดีอันนี้ให้จักรวาล แต่ถ้าผลออกมาไม่ดีจงเรียนรู้ที่จะแก้ไข แต่ไม่เก็บความทุกข์ไว้กับตัวเอง ความผิดพลาดอันนี้มอบให้จักรวาลอีกเช่นกัน

สู้ๆนะวิท สู้เพื่อที่จะอยู่บนโลกใบนี้อย่างมีความสุข

Thursday, June 18, 2009

แจกจ่ายมังคุด

เมื่อเช้าวิทวานพี่แหวนให้ช่วยไปเอามังคุดที่สถานีหาดใหญ่ เนื่องด้วยเมื่อวานแม่ฝากมังคุดมากับรถไฟ แต่เผอิญเมื่อวานวิทกว่าจะประชุมเสร็จก็ปาไปจะทุ่มนึ่งแล้ว ก็เลยยังไม่ได้ไปเอามังคุดซะที วันี้ตอนเช้าเลยถือโอกาสไปเอานะ ก่อนที่จะถึงสถานีรถไฟเราก็แวะทานติ๋มซำเจ้าอร่อยแถวโรงแรม เจบี แล้วจึงไปเอามังคุดที่สถานีนะ
หลังจากเอามังคุดเสร็จผมกับพี่แหวนช่วยกันแจกจ่ายมังคุดให้กับอาจารย์ที่นับถือ ผมว่าช่วงเวลาที่เรามังคุดใส่ถุงและได้นึกถึง ช่วงเวลาของคนที่ได้รับมังคุดและได้รับประทานมังคุดที่เอร็ดอร่อย เป็นช่วงเวลาที่ดีมากทีเดียว แต่วิทก้แอบสงสารไม่หด้นะครับ พอเราแบ่งให้กับทุกคนเหลือมังคุดอยู่เล็กน้อย แอบสงสารพี่แหวนอยู่ในใจนะครับ และวิทคิดว่าคราวหน้าวิทจะแบ่งให้พี่แหวนมากกว่านี้
ความสุขที่ได้นึกถึงคนอื่น ความสุขที่ได้จากการแบ่งปันมันเป็นความสุขที่วิเศษจริงๆนะครับ

Monday, June 15, 2009

บริจาคโลหิตและทำบุญ

เมื่อวานเป็นวันอาทิตย์นะครับ โดยปกติพวกเราหมายถึงผม พี่แหวน น้องแอน นัชหญิงและชาย แอ๊ะ พี่โต้ง รวมถึงนุ้ย เรามักจะไปตีแบดกันแล้วค่อยแยกย้ายกันพักผ่อน แต่วันอาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ที่พิเศษจริงๆนะครับ


คือเรามีกิจกรรมเพิ่มขึ้น นั่นคือหลังจากตีแบดเสร็จ เราแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า เสร็จแล้วพี่แหวนมารับวิทและน้องแอน ไปบริจาคโลหิตนั้นเอง เป็นครั้งแรกของวิทนะครับที่ได้บริจาคเลือด รู้สึกตื้นเต้นมากเลยนะครับ ผมเลยน้องยืมแฟนของแอ้ะมาเป็นกำลังใจให้หน่อย เพราะผมกลัวเข็มจริงๆนะ นัฐหญิงก้อใจดีมากมายืนให้กำลังใจข้างเตียงตลอดเลยนะครับ ขอบคุณแอ้ะด้วยที่ใจกว้างยอมให้แฟนมาเป็นกำลังใจให้วิทนะ


แต่เมื่อผมกำลังจะบริจาคเสร็จปรากฏว่าเข็มที่เจาะวิทหลุดนะครับ ทำให้เลือดของวิทอาจจะใช้ไม่ได้ผมแอบเคืองเล็กน้อยที่อุตสาห์เจ็บตัวแล้วแต่เลือดกลับไม่ได้ใช้ แต่ก้อมีคนบอกว่าแม้ว่าเลือดไม่ได้ให้ผู้ป่วยแต่เลือดสามารถนำไปใช้ทำอย่างอื่นได้ ก็เลยทำให้ผมสบายใจขึ้น


เสร็จจากบริจาคเลือดเราไปกินข้าวมันไก่กันที่ทุ่งลุง พร้อมทั้งไปไหว้พระที่นับถือที่แถวบ้านพรุ หลวงพ่อเตือนสติอะไรที่ดีมากเลยนะครับ เช่นความผิดของเราให้เอามาเป็นครู เมื่อเวลาใครโกรธเราเราอย่าโกรธตอบจงเป็นผู้ดีที่มีอัธยาศัยที่ดีกับเค้า หรือการพูดแต่สิ่งที่เป็นมงคลย่อมนำสิ่งดีๆมาให้ หลังจากอิ่มบุญกันถ้วนหน้า เราก้อไปชอปปิ้งต่อที่โรบินสันซึ่งลดกระหนำมาก 50-70%


วิทซื้อกางเกงสแลคสองตัวนะครับ เหตุเกิดจากป้าร้านซักผ้าแกทำกางเกงหาย ก้อเลยต้องซื้อเพิ่ม วันนี้ได้ของถูกใจเยอะมากแต่เงินก้อหมดเยอะนะครับประมาณเกือบ 3500 บาททีเดียว ส่วนแอ้ะหมดมากกว่าวิทนะครับ หมดไปประมาณ 10000 บาท


วิทจงจดจำสิ่งดีๆที่ได้ทำนะ และเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำมาจากความปรารถนาดีที่จะทำแต่สิ่งที่ดี ใครจะมองและไม่เข้าใจเราขอจงสู้ต่อไปนะ ขอบคุณเพื่อนทุกคนที่หาดใหญ่ที่เป็นกำลังใจ และสนับสนุนให้ผมได้ทำตามอุดมการณ์ของตนเองนะครับ


ปล.เขียนเรื่องทำบุญแต่มาสรุปแบบแปลกๆ คงไม่เปนไรนะครับ

Friday, June 05, 2009

เป็นหวัด

ตลอดชีวิตเราคงมีเพื่อนที่ชื่อว่าโรคหวัดผ่านเข้ามาบ่อยๆนะครับ ผมก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หวัดรุมเร้าผมซะเหลือเกิน

พอเป็นหวัด จะรู้สึกไม่อยากทำอะไรอยากนอนพักผ่อนอย่างเดียวเท่านั้น บางทีก็รู้สึกเหงานะ การใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ห่างไกลจากพ่อแม่ประมาณ 200 กว่ากิโล และเป็นช่วงที่ร่างกายอ่อนแอแบบนี้ด้วย ความเหงาอีกตัวที่มาเป็นเพื่อนวิท

ด้วยภารกิจในช่วงนี้ที่เป็นช่วงเปิดเทอมทำให้ผมขะมักขเม้นกับการเตรียมสอน และนึกขอบคุณนักศึกษาทุกคนที่อุตสาห์เลือกเรียนวิชาที่ผมสอน

การจะให้เกียติพวกเค้าได้ดีที่สุดคอืการตั้งใจสอนอย่างสุดความสามารถ แม้รู้ตัวดีว่า ตัวเองไม่ใช่อาจารย์ที่เก่งนัก แต่ถ้าความรู้สึกอยากให้สิ่งต่างๆกับนักศึกษาผมเชื่อว่าผมมีไม่น้อยกว่าอาจารย์ท่านอื่นเลย

ตอนนี้คงต้องดูแลตัวเอง ให้ร่างกายแข็งแรง ฝึกความเข้มแข็งและคิดเสมอว่าเราต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างมีความสุข

สู้ๆนะวิทเชื่อว่าสิ่งต่างๆจะดีขึ้น

Wednesday, June 03, 2009

ให้เงินพ่อแม่

ผมพึ่งค้นพบความสุขอีกหนึ่งเจอนะครับ จริงๆคิดมานานแล้วว่าจะทำสิ่งนี้ แต่อาจจะเพราะความงกส่วนตัวเลยยังไม่ได้กระทำซักที

จนผมเริ่มคิดว่าได้เวลาแล้วที่จะต้องทำสิ่งนี้ และผมก็ได้ทำ สิ่งนี้คือ การให้เงินพ่อกับแม่ใช้ทุกเดือน แม้ว่าเงินที่ให้พ่อกับแม่จะเป็นเงินที่น้อยนิดก็ตาม แต่ก้อนำมาซึ่งความสุขในการที่ลูกได้แสดงถึงความกตัญญู

หลายครั้งที่ผมนึกถึงพ่อกับแม่สมัยก่อนที่ผมจะทำงาน ไม่ว่าเราจะขอเงินเท่าไหร่ก็ตาม ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องการเรียน พ่อกับแม่ไม่ลังเลที่จะให้เงินเราใช้เสมอ ผมสำนึกทุกครั้งที่กดเงินจาก เอทีเอ็ม

พ่อกับแม่จงรู้ไว้เถิดลูกคนนี้สำนึกในทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทั้งสองทำ และคิดอยู่เสมอว่าจะตอบแทน โดยเริ่มจากการเป็นเด็กดี และทำหน้าของตัวเองให้ดีที่สุด

แต่บางครั้งลูกคนนี้ก็เป็นคนอ่อนแอเกินไป บางที่แค่เจออุปสรรคเล็กๆก้อฟูมฟายอย่างไม่เป็นท่าแต่เชื่อได้เลยนะครับ ว่าทุกครั้งที่ลูกคิดถึงพ่อและแม่ลูกมีกำลังใจและจะเดินสู้ทุกครั้ง

การให้เงินพ่อแม่ใช้นำมาซึ่งความสุขที่ผมได้รับและรู้สึกถึงการมีคุณค่าในการได้ดูแลคนที่รักอย่างแท้จริง

Saturday, February 28, 2009

ความรักจากไป


ผมได้รับอีเมลล์จากเพื่อนรักที่อยู่ออสเตรเลีย พร้อมกับคำถามที่ว่า ทำอย่างไรถึงจะลืมความรักเก่าให้ได้ในเมื่อตอนนี้ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักเค้าแล้ว แม้ว่าจะมีการตกลงกันว่าเราเลิกกัน แต่ในความเป็นจริงเพื่อนผมกลับมีความทุกข์จากการเดินจากไปของชายหนุ่ม


ภาพของเพื่อนรักของผมปรากฏขึ้น สาวที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เคยอยู่ได้ด้วยตัวเอง ทำไมจึงกลับหมดแรงได้ขนาดนี้


ความรักทำให้คนเราทุกข์ได้ถึงเพียงนี้หรือ แล้วทำไมคนเราจึงยังวิ่งหาความรักกันอยู่ละ????????????


ความรักของคนบางคน คือ สิ่งที่สวยงาม คือ ความรู้สึกที่อบอุ่นใจ นิยามอันนี้อาจเกิดได้เพียงกับบุคคลที่สมหวังในความรักนั้นหรือ?????????


จริงๆแล้วความรักสวยงามยิ่งกว่านั้น ถ้าความรักนั้นปราศจากเงื่อนไข คือ เมื่อรู้ว่ารักคนๆนั้น ก็จงรัก ปรารถนาดี มีความสุขที่ได้เห็นเค้ามีความสุข โดยไม่มีเงื่อนไขว่าในท้ายที่สุด ความรักที่เรามอบให้เค้าๆจะเห็นค่าของมันหรือเปล่า


เมื่อรักเป็นแบบนี้ คุณจะค้นพบกับอิสระ มีความสุขที่ได้รัก มีความสุขที่ได้เห็นคนรักมีความสุข แค่นี้ ก็เป็นความสุขที่มากกว่าการได้รับรักซะอีก


เอาใจช่วยเพื่อนรัก ให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปให้ได้ รักตัวเองมากๆ เมื่อรักตัวเองจนพอแล้ว อย่าลืมส่งผ่านความรักให้กับทุกๆคน แล้ววันนั้น เธอจะได้พบกับความมหัศจรรย์แห่งความรัก

Tuesday, February 10, 2009

การตรวจข้อสอบ


ผมมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่หนึ่งเรื่องนะครับ คือ ผมพึ่งตรวจขอ้สอบวิชาเศรษฐกิจไทยซึ่งส่วนใหญ่นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จะเรียนในวิชานี้ ส่วนตัวของผมการออกข้อสอบผมออกข้อสอบไม่ยากนะครับ ก็ออกแบบถ้าอ่านหนังสือมาน่าจะทำได้แบบไม่ยากเย็นนัก แต่ผลหาเป็นเช่นนั้นไม่ คะแนนนักศึกษาได้ค่อนข้างต่ำมาก ในส่วนความเป็นครู เราคงไม่โทษนักศึกษาของเราหรอก ว่าทำไมเธอช่างทามข้อสอบที่แสนง่ายไม่ได้


แต่เรากลับมามองที่ตัวเรา ว่าเพราะเราหรือที่เป็นต้นเหตุให้พวกเค้าทำข้อสอบไม่ได้ อาจจะเป็นการถ่ายทอดที่ไม่ได้เรื่อง หรือการนำเสนอการสอนของเราไม่จูงใจให้นักศึกษาสนใจในรายวิชานี้


ส่วนตัวผมแอบเสียใจ เสียใจที่เห็นนักศึกษาบางคนที่เสียใจกับผลคะแนนที่ตัวเองได้รับ รวมถึงตั้งคำถามว่าทำไมพวกเค้าจึงเขียนข้อสอบได้ไม่ตรงประเด็น เราจะทำอย่างไรต่อไปที่จะพัฒนาการเรียนการสอนให้นักศึกษามีความสุขที่ได้ค้นคว้า มีความสุขที่ได้เข้าชั้นเรียน แค่การตั้งคำถามและพยายามที่จะตอบโจทย์ก็ดูเป็นเรื่องที่ยากมาก


บางครั้งความขัดแย้งระหว่างมาตรฐานในการตรวจข้อสอบ กับความเสียใจของนักศึกษาเราจะเลือกอะไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราจะต้องดูว่า จริงๆแล้วนักศึกษากลุ่มนี้ได้พยายามอย่างดีที่สุดหรือไม่ ถ้าแม้แต่ตัวนักศึกษาเองยังไม่เคยพยายามที่จะตั้งใจเรียนเลย การที่เราจะมานั่งเสียใจกับพวกเค้าก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเลย