Friday, October 20, 2006

ความสุขจากการไปมหาวิทยาลัย


วันนี้คำพูดของพริกที่บอกว่าคิดถึงเพื่อนเลยต้องแวปเข้ามามหาลัย ทำให้ผมต้องลุกขึ้นมาเขียนบล็อก ก่อนที่ความทรงจำที่ดีงามในช่วงนี้ จะผ่านพ้นไป ในหนึ่งอาทิตย์ 5-6 วันเลยทีเดียวที่ผมจะโต่เต๋ อยู่ในคณะเศรษฐศาสตร์ ทำไมผมจึงเข้ามหาลัยมากขนาดนั้น ผมมีคำตอบในใจของผมอยู่เล๋น อย่าพึ่งเดานะ ว่าผมมาแอบหลงรักสาวสักคนแน่เลย จึงได้ขยันมามหาลัย แต่เปล่าเลย คำตอบของผม คือ ความสุขที่ได้เจอเหล่าผองเพื่อนที่น่ารัก

การเริ่มต้นของทุกๆๆๆวันของผมเริ่มจากการเดินทางมาถึงมหาลัยประมาณเวลา 8 โมงเช้า รู้หรือเปล่า ว่าภารกิจอย่างแรกของผม คืออะไร 5555 จะบอกให้ก้อได้ ผมจะตรงดิ่งเข้าไปรับประทานอาหาร ในโรงอาหารหลังคณะเศรษฐศาสตร์ ผมมักสอดส่ายตา ม่ายช่าย ? มองหาสาวสุดสวยนะ แต่ผมจะมองหาเพื่อนรักของผม 2 คน นั้นคือ โต้งและพริก เพื่อทานอาหารด้วยกันในตอนเช้า

มารู้จักโต้งกันเถอะ ผมชอบเพื่อนคนนี้ค่อนข้างมาก ความมีน้ำใจ อารมณ์ขัน และอัธยาศัยที่ตรงกันในการชอบทานอาหารอร่อย ทำให้ผมกับเพื่อนรักคนนี้ คุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว ผมชอบนิสัยการประหยัดของโต้ง ผมนับถือในการขยันทำงานหาเงินของโต้ง เพราะผมรู้ว่า เงินแต่ละบาทไม่ไช่เป็นสิ่งที่หามาง่าย ผมจึงนับถือในสิ่งที่เพื่อนรักคนนี้ได้ทำมาตั้งแต่เด็ก ผมให้ความสำคัญในการใช้ชีวิตนะ ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย ไม่ใช่มรรควิธีที่จะทำให้การดำเนินชีวิตของเรายั้งยืนและมีความสุข

สำหรับพริกผมมองเห็นถึงความมุ่งมั่น ความเอาจริงเอาจังในทุกสิ่งทุกอย่าง บวกกับความกระด้องกระแด่งของเธอ พริกจึงมีฉายาประจำกลุ่มว่า ง่องแง๋ง ซึ่งผมว่าชื่อนี้ ช่างเหมาะสมกับเธอเหลือเกิน ผมนับถือเพื่อนคนนี้ในมุมมองด้านความรักนะ การรู้จักวางตัว และความรักของเธอช่างราบเรียบและสม่ำเสมอซะเหลือเกิน ผมชอบความรักแบบนี้จังเลย ความรักที่ปรารถนาดีต่อกัน ความรักที่ไม่ต้องหวานหยดย้อย แต่สม่ำเสมอและมั่นคง ผมเอาใจช่วยพริกและพี่อรรถนะ ให้ทั้งคู่มีความ สุขในความรัก ผมจะรอไปร่วมงานแต่งงานของทั้งสอง พริกเป็นเพื่อนที่ผมชอบปรึกษาในหลายเรื่องๆ ผมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่หัวคิดดีทีเดียวเลย

เมื่อขึ้นมาทำงานในห้องคอมพิวเตอร์ชั้น 4 ผมจะรอคอยการมาทำวิทยานิพนธ์ ของบัดดี้ที่นั้งข้างผม คนๆนั้น คือ พี่ปุ๋ยนี่เอง พี่ปุ๋ยให้ความรู้สึกของพี่สาวที่น่ารัก บวกกับความตั่งใจที่จะมีด็อกเตอร์นำหน้าในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผมชอบนิสัยที่สบายๆๆ ตลก และเป็นพี่สาวคนโตของพวกเรา นั้นแน้ ผมมีพี่สาวเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วซิ รู้สึกอบอุ่นจัง

ขนมที่สุดแสนจะอร่อย เก๋ สาวแม่บ้านประจำกลุ่มพวกเรา เธอชอบทำขนม มาให้พวกเราทานอยู่เสมอ สิ่งที่เก๋ทำนั้นทำดีแล้วนะ แต่อย่าให้โต้งกินเยอะเดียวจะอ้วนไปกว่านี้ เก๋เอ้ย มารยาหญิงเกิดจากตรงนี้เอง ผมเป็นคนนึ่งละ ที่แพ้ผู้หญิงเอาใจ จนผมมักพูดติดตลกเสมอว่า ถ้าแฟนผมเอาใจมากๆๆ ผมคงยกเงินเดือนให้หมดเลย ก้อไม่รู้นะต้องรอดูกันในอนาคต

พี่ยุ้ยก้าวเข้ามาสนิทกับพวกเรา พี่ยุ้ยบัดดี้ของโต้งในการทำงานวิจัยด้วยกัน ผมว่าพี่ยุ้ยเป็นผู้หญิงที่ฉลาดทีเดียว มองคนได้ทะลุปรุโปร่งเหมือนกันนะ ผมมักชอบคุยในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว การหาอาหารอร่อยทาน และการที่เป็นคนชอบเขียนโปสการ์ดเหมือนกัน ผมคิดว่าคนที่ชอบส่งโปสการ์ดเป็นคนละเอียดอ่อนนนะ และเป็นคนที่คิดถึงคนอื่น รวมถึงการแบ่งปันความสุขให้ทุกๆๆๆคน

รุ่นน้องร่วมอุดมการณ์ตีแบต น้องเก้า น้องกอล์ฟ หลีด น้องวิน น้องทุกคนช่างนิสัยดีจัง เก้ารุ่นน้องที่แสนตลก 555 แค่คิดก้อขำแล้ว กอล์ฟ หนุ่มเหนือที่ละเมียดละไมในการดำเนินชีวิตซะเหลือเกิน หลีด หนุ่มหล่อที่ทำให้สาวๆๆประจำกลุ่มเราสดชื่น น้องนิก สารถีประจำกลุ่ม น้องเปา สาวน้อยช่างฝันขอให้เจอหนุ่มคนนั้นเร็วๆๆนะ

สุดท้ายผมเกือบลืมแป้ง ผู้ที่ทำให้กลุ่มเรามีสีสันต์เสมอ ผมชอบการใช้ชีวิต ที่ทำให้รู้สึกว่าความสุข คือการใช้ชีวิต ในแบบที่เรามาต้องการ แป้งทำให้ผมรู้สึกว่า ไม่ว่าอาจารย์นิพนธ์จะว่ายังไง ถ้าเจอแป้ง ปัญหาทุกสิ่งจะหมดสิ้นไปทันที ขอบคุณ เติ้ง หมู พี่อ้อย เบียร์ เบ็นซ์ โอม ขอบคุณสำหรับกำลังใจ

รู้แล้วซินะ ทำไมผมจึงชอบมามหาลัย เสียงหัวเราะ ความสุข เรื่องขำขัน ช่วงวเวลานี้ช่างเป้นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของผมทีเดียว

Sunday, October 08, 2006

ขอโทษครับแม่


โทรศัพท์สั่นยิกๆๆๆๆ ในกระเป๋ากางเกงของผมตอนเวลา 4 ทุ่มกว่าๆๆๆของเมื่อคืน ผมรีบตาลีตาเหลือกที่จะต้องรับสายโทรศัพท์สายนี้ให้ได้ ไม่ใช่ว่าแฟนโทรมาหรอก แต่คนที่โทรมาเป็นผู้หญิงที่ผมแคร์ที่สุด ผู้หญิงปลายสายนั้น คือ แม่ของผมเอง แม่ถามด้วยอาการงอนเล็กน้อย ทำไมยังไม่ถึงบ้าน ผมพยายามที่จะอธิบายให้แม่ฟัง ว่าผมไปรับประทานอาหารกับเพื่อนนิดหน่อยก้อเลยกลับบ้านดึกไปนิดนึ่ง แม่เริ่มไม่พอใจว่าทำไมไม่นัดทานข้าวตอนกลางวันละ ผมเริ่มคิดว่าให้ถึงบ้านก่อนดีกว่าแล้วค่อยคุยกะแม่ เพราะแม่เริ่มน้อยใจที่ผมเริ่มจะเถียงแม่ซะแล้วซิ

เช้าวันนี้ผมได้คุยกับแม่แบบสบายๆมากขึ้น ผมรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต่อให้ผมจะโตขึ้นกว่านี้ก็ตาม ต่อให้ผมแต่งงานมีเมีย มีลูกแล้วก้อตาม ต่อให้ผมร่ำรวย หรือยากจนแค่ใหนก้อตาม ผู้หญิงคนนี้ คือ คนที่ผมจะอยู่ตรงนี้ ไม่เถียง และรับพังทุกๆๆๆอย่างที่แม่พูด ผมรู้ว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะเถียงท่าน ในเมื่อจุดประสงค์นั้นเพราะท่านรักผม

เพื่อนๆหลายคนที่สนิทกับผมคงรู้เหตุผลของผมแล้วซินะ ว่าทำไมเมื่อถึงเวลาตอนเย็น นายวิทต้องตาลีตาเหลือกกลับบ้าน ม่ายใช่ว่าแม่ผม เป็นผู้หญิงดุหรอก หรือเป็นผู้หญิงที่คุมกฏว่าต้องกลับบ้านเวลานั้นเวลานี้ ผมกับแม่อยู่ไกลกันกว่า 800 กิโลเมตร แม่ไม่มีทางที่จะมาควบคุมผมได้หรอก และผมก้อไม่ใช่ลูกแหง่ที่ไม่รู้จักโต ผมเป็นตัวของตัวเองมาตั้งนานแล้ว แต่การที่ผมทำแบบนั้นตกเย็นรีบกลับบ้าน ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า เพราะผมแคร์แม่ ผมรู้ว่าถ้าผมทำตัวแบบนั้น แม่จะมีความทุกข์แค่ไหน

ตอนเช้าแม่พูดกับผมด้วยเสียงอันอ่อนโยน พร้อมกับบอกว่าแม่เป็นห่วงวิทนะ แค่นี้ผมก้อจำนนด้วยเหตุผลของแม่แล้วใช่ไหม ที่จะไม่กลับบ้านดึก พ่อกับแม่มักมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ พร้อมกับสอนการใช้ชีวิต ว่าโลกใบนี้มีทั้งสิ่งที่สวยงาม และสิ่งที่เราต้องคิดและวิเคราะห์ แม่กับพ่อ มักสอนให้เราติดดิน สู้และไม่ท้อถอยกับอุปสรรค รู้จักที่จะสังเกตในทุกๆๆๆเรื่อง รู้ว่าหน้าที่ตอนนี้ของเราคืออะไร และเราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ครั้งนึ่ง เมื่อผมยังเด็ก ผมไม่เคยคิดว่าครอบครัวของเรามีฐานะที่ดี เพราะพ่อและแม่สอนให้พวกเราระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และสอนให้รา เห็นถึงความสำคัญของการประหยัด ผมมักจะนึกคำของพ่อเสมอที่มักพูดว่า น้ำทีละหยด ทีละหยด ก้อสามารถทำให้ตุ่มใบใหญ่ๆๆเต็มไปด้วยน้ำได้

คำสอนนั้นช่างทันสมัยซะเหลือเกิน ในช่วงภาวะวัตถุนิยมกำลังระบาดอยู่ แต่พ่อกับแม่ ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกชายคนนี้ ไม่ได้ให้คุณค่ากับความร่ำรวย หรือ ให้คุณค่ากับการใช้ของราคาแพงๆๆๆ ลูกคนนี้เข้าใจ ว่าความเรียบง่ายสำคัญเสมอใช่มั้ยจ้ะแม่

ก่อนวางหูโทรศัพท์ผมบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงวิทนะ วิทรู้ว่าวิททำอะไรอยู่ และจะพยายามที่จะไม่นัดเพื่อนทานข้าวตอนเย็นเพราะจะทำให้กลับบ้านดึกและแม่ก็จะเป็นห่วง แม่รู้ไว้นะว่า วิทรักแม่แค่ใหน มากเกินกว่าที่จะทำให้แม่เสียใจ วิทรักแม่มากนะ

Tuesday, October 03, 2006

วิทชอบวันที่ฝนตก


เมื่อวานฝนตกหนักจังเลย หลายคนคงเบื่อกับการที่ฝนตกแต่เช้า แต่สำหรับวิทแล้ว วันฝนตกเป็นวันที่วิทมีความสุข เพื่อนๆคงเริ่มตั้งคำถาม ว่านายวิทเพื่อนรักของทุกคนอาจจะบ้าไปแล้ว จะมามีความสุขอะไรกับวันฝนตก รวมถึงการจราจรในกรุงเทพก้อแสนจะติดขัด แต่ผมกลับมีความทรงจำที่สวยงานในวันฝนตกนั้นเอง

ผมเกิดที่นครศรีธรรมราช เป็นที่รู้กันว่า ภาคใต้มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน กับ ฤดูฝน ช่วงเวลาส่วนใหญ่จึงมีฤดูฝนมากเสียเหลือเกิน ความทรงจำที่สวยงานของผม เกิดจากภาพชายสูงวัย ซึ่งก้อคือ คุณปู่ของผมนั้นเอง ผมมักจะสังเกตว่า คุณปู่มักชอบมองออกไปยังสายฝนและนึกทบทวนอะไรบางอย่าง ผมอยากย้อนเวลาไปช่วงเวลานั้นจัง ผมอยากถามคุณปู่ว่า ท่านคิดอะไรอยู่ ท่านกำลังนึกถึงช่วงเวลาใหนของชีวิตหรือเปล่า หรือท่านกำลังมีความทุกข์อะไรอยู่บ้าง ท่านมักพูดอยู่เสมอว่า วัฏจักรชีวิตของคนเราก้อคล้ายกัน คือ เมื่ออายุถึงวัยทำงาน ก้อออกไปทำงาน มีครอบครัว และสร้างรังเป็นของตัวเอง ส่วนคนวัยของปู่ ก้อจะรอคอยการกลับมาจากที่ทำงานของพ่อ แม่ของผม ในตอนนั้น ผมม่ายรู้หรอกว่า ปู่กำลังรู้สึกเหงา หรือกำลังคิดอะไร เพราะวัยตอนนั้นของนายวิท คือการเล่น และสนุกกับ เจ้และน้องนุช จนเมื่อผมโตขึ้น สังคมเพื่อนฝูงมากขึ้นการใส่ใจ กับผุ้ชายสูงวัยก้อน้อยลง

คุณปู่เสียชีวิตตอนผมขึ้นปี 2 และกำลังเรียนเศรษฐศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผมร้องให้ตั้งแต่คืนที่คุณแม่โทรมาบอกว่า รีบกลับบ้านนะ เพราะคุณปู่ไม่สบายมาก เมื่อกลับถึงบ้าน เรารีบไปโรงพยาบาล ผมกลับมาทันก่อนคุณปู่เสียชีวิตเพียงไม่กี่นาที ภาพของชายวัยชรา และความสงสัยในความคิดของคุณปู่ผุดขึ้นมาในสมองของผมอีกครั้ง วิทอยากย้อนกลับไป กลับไปถาม ท่านว่าทุกครั้งที่ฝนตก คุณปู่คิดอะไรอยู่ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ผมมักคิดอยู่เสมอว่า เราทุกคนอยู่ในโลกใบนี้เพียงสั้นๆเท่านั้น ผมมักจะบอก พ่อกับแม่เสมอ ว่าผมรักท่านทั้งสอง แม้ว่า ผมอาจไม่ได้โทรศัพท์หาท่านทุกวัน ผมมักจะบอกกับพี่เอกเสมอว่า พี่เอกเป็นพี่สาวที่น่าทึ่ง ผมภูมิใจในตัวเจ้นะ กับน้องนุช แม้ว่าพี่วิทจะไม่ได้มีวีรกรรมกับน้องสาวคนนี้มากนัก แต่พี่ก้อคอยเป็นห่วงนุชนะ ดีใจเมื่อเห็นนุชมีความสุข

วันฝนตกเป็นวันสำคัญเช่นนี้นี่เอง ภาพครอบครัว ความรู้สึกที่ได้นึกถึงวันเก่าๆๆ ทามให้วิทรู้ว่าทุกๆคนที่อยู่รอบๆๆวิทเป็นคนสำคัญเสมอ เพื่อนๆทุกคนที่กรุณามาอ่านบล็อกนี้ จงรู้ไว้ว่าทุกๆๆคนเป็นคนสำคัญ เช่นเดียวกับคนในครอบครัวของวิทนะ