Saturday, March 10, 2007

To have or to be ?


เมื่อวานผมตั้งใจที่จะดูรายการทีวีรายนึ่งนะครับ เป็นรายการที่เชิญคุณส.ศิวรักษ์ มาพูดโดยส่วนตัวของผม ผมเป็นแฟนพันธ์แท้ ของส. ศิวรักษ์อยู่แล้ว ผมชอบในความเป็นนักวิจารณ์สังคม และไม่กลัวที่จะวิจารณ์คนต่างๆที่ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้อง แต่ในบางครั้งเมื่อคำวิจารณ์เป็นคำวิจารณ์มาจากขอ้มูลข่าวสารที่ท่านผิด ท่านก็ออกมายอมรับอย่างลูกผู้ชายว่าท่านได้ให้ข้อมูลที่ผิดพลาด เช่นในกรณีที่ท่านวิพากย์ อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ซึ่งภายหลังได้ออกมมาเป็นจดหมายขอโทษจากส. ศิวรักษ์ในท้ายที่สุด


ผมช่างใจที่จะต้องลงเรื่องราวที่ผมได้ยินจากรายการทีวีอย่างน้อยก้อเป็นการบันทึกของผมด้วยนะครับ ผมมีความเชื่อที่คล้ายกับส. ศิวรักษ์ในเรื่องการใช้ชีวิต ซึ่งเพื่อนๆคงเห็นผมตั้งเป็นชื่อเรื่อง To have or to be ?ไม่ใช่ผมจะมาสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพราะส่วนตัวผมไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษขนาดนั้น แต่เรื่องนี้น่าสนใจกว่าเยอะเลย เพราะสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยมายาคติ To have คือ การยึดตัวตนเป็นจุดศูนย์กลาง การดำเนินชีวิตของเราจึงยึด ที่เราจะต้องมีอะไร เราจะต้องเก่งที่สุด และทับถมคนที่ด้อยกว่า เพื่อให้ตังเองคิดและอยู่เหนือคนทุกคน วิธีคิดแบบนี้น่ากลัวมาก เพราะแค่เราคิดว่าเราอยากมีอะไร เราก็เริ่มแนวคิดที่จะสะสม เมื่อคิดที่จะสะสมก้อเริ่มต้นด้วยการทำงานหนัก การพยายามเขี่ยคนอื่นให้ออกจากลู่วิ่งที่เราจะวิ่งขึ้นไปสู่เป้าหมายที่สูงสุด ฟังดูดูดีนะครับ ใช่ ดูดี แต่สำหรับการมองโลกของ'ส.ศิวรักษ์ ท่านมองว่าหนทางที่เราก้าวเดินนั้นเป็นหนทางที่ผิดและเป็นหนทางแห่งหายนะ เพราะเรากำลังสร้างศัตรู มองเพื่อนร่วมงานอย่างคนทีเป็นคู่แข่ง แล้วในท้ายที่สุดเราได้อะไรเมื่อเราตายจากโลกใบนี้? เปล่าเลยเราไม่ได้เอาอะไรจากของที่เราสะสมเกินพอดี นำติดตัวไปไม่ได้เลยแม้ซักชิ้นเดียว


การมีชีวิตแบบ to be อะไรคือสิ่งสำคัญ ไม่ยากเลย การมีชิวิตอยู่บนโลกนี้ซิ เป็นสิ่งสำคัญ เราอยู่ได้ด้วยลมหายใจที่หายใจเข้าและออกด้วยความรัก รักเพื่อนมนุษย์ที่อยู่อยู่ในโลกใบนี้เลิกที่จะสะสม และเข้าใจในคำพูดคำนึ่งที่ว่า เงินทอง คือ มายา ข้าวปลาคือ ของจริง ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ชีวิตที่สิ่งมหัศจรรย์รอเราอยู่มากมาย ในมุมมองต่างๆให้เราค้นหา มีอีกหลายสิ่งให้เราทดลองในเรื่องชีวิต แค่คิดถึงจุดหมายของชีวิตที่แท้จริงก้อเริ่มสนุกแล้ว เราได้เม็มความคิดทางตะวันตกมากไป ความคิดที่สร้างเงื่อนไขจอมปลอม ในการเอาเปรียบซิ่งกันและกัน น่าหัวเราะทีเรายังโง่เง่า และมีความสุขกับการใช้แนวคิดแบบนั้นเหมือนสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและดูดีแต่ไม่ยั่งยืน


ผมมีความสุขที่ได้ดูรายการทีวีรายการนี้ ทำให้ผมมีไอเดียร์บางอย่าง ผมกำลังทดลองอะไรบางอย่างกับชิวิตนะครับ ซึ่งคงต้องทดลองจนชีวิตผมจะหาไม่ แล้วเพื่อนๆผมละลองคิดที่จะเปลี่ยนจากกรอบที่ใครก้อไม่รู้มาไส่ความคิดให้เรา ลองมาเป็นตัวของตัวเอง ซึมซับกับลมหายใจแห่งความรัก ความเมตตา ส. สิวรักษ์ น่าทึ่งจริงๆ

3 comments:

Anonymous said...

ขอบคุณนะเปา ที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณที่เอาใจช่วยเรื่องทีสีสของผมนะ มันเป็นหน้าที่ที่ต้องไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจใว้นะครับ

Anonymous said...

to have - ก็คนส่วนใหญ่ max utility นี่หว่า ถ้าไม่เป็นแบบนี้ เศรษฐศาสตร์กระแสหลักใช้อธิบายลำบากเลยนะ
แต่กูว่า เราอาจจะ Max U ได้โดยไม่ไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ (ไม่ใช่ zero-sum game) คือ ไม่จำเป็นต้องไปเขี่ยคนอื่นไง ก็ไม่ต้องไปแข่งกับเค้าไง งงดิมึง
to be - คำ "ลมหายใจแห่งความรัก" อันประเสริฐ (ลอกสำนวนมาจากนิยายจีน)แต่อ่านแล้วงงๆ ว่ะ

ถ้าเครียดกับ thesis มี wb site แนะนำ ทีเด็ด หลุดโลกไปเลย http://www.buddhadasa.com/

to be empty :)

Anonymous said...

ขอบคุณโต้งเพื่อนรัก กูมีความทุกข์เรื่องทีสีสอยู่นะ แต่ยังหา สมุทัย นิโรธ และมรรค ยังไม่เจอ เฮ้อ!!!ขอบคุณสำหรับความเห็นใจนะเพื่อน ชีวิตมันต้องเดินต่อไปแค่ตอนนี้อยากหาสิ่งศักดิ์บ่นบานสานกล่าวเหลือเกิน ให้อาจารย์นิพนธ์ปล่อยลูกนกลูกกาไปเถิ....ด