Wednesday, July 04, 2007

Don't find love, let love find you




ผมตั้งชื่อเรื่องโดยการลอกคำกระทู้ของเพื่อนรักที่เป็นอาจารสอนมหาลัยคนนึ่งนะครับ ประจวบเหมาะกับผมได้รับเชิญไปงานรับปริญญารุ่นพี่คนหนึ่ง ด้วยนสองเหตุผลนี้ผมเลยต้องเขียนบรรทึก ในเรื่องราวดังกล่าว Don't find love, let love find you เป็นสองสมมติฐานจากคำถามที่ว่า ความรักเกิดขึ้นได้อย่างไร




สมมติฐานแรก คือ ความรักเกิดจากการตามหาของเราเอง เราต้องดิ้นรน ไขว่คว้า เพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก หรือ สมมติฐานที่สอง ความรักเกิดจาก ความรักตามหาตัวเราเอง โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยเพียงแต่ปล่อยให้เป็นไปตามาธรรมชาตินั้นเอง ข้อเขียนนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าผมไม่ได้ไปร่วมงานซ้อมรับปริญญาของรุ่นพี่ที่คณะเภสัช มหิดล เหตุจากผมได้ยินเสียงซุบซิบ ของเพื่อนรุ่นพี่ของผมว่า รุ่นพี่ผมเก่งเหลือเกินที่สามารถนัดหนุ่มถึงสองคนมางานร่วมรับปริญญา โดยที่ตัวเองไม่สะทกสะท้านอะไรเลย แต่กลับสร้างบรรยากาศมาคุให้กับสองหนุ่มที่มาร่วมงาน




ผมคงหัวเราะไม่ออกอีกเช่นกัน ถ้าจะสมมติว่า ผมกลับเป็นคนหนุ่มทั้งสองนั้น รุ่นพี่ผมเป็นผู้หญิงทันสมัย สวย ฉลาด คล่องแคล่ว ว่องไว มีรึ ที่ชายหนุ่มทั้งหลายจะไม่สนใจ โชคดีจริงๆที่ผมไม่ใช่ชายหนุ่มพวกนั้น เพราะผมชอบผู้หญิงเรียบๆ ฉลาด และมีความสุขในการอยู่บนโลกใบนี้ หนุ่มทั้งสองใช้กลยุทธ์ที่ต่างกัน หนุ่มคนหนึ่งท่าทางกะล่อน เอาใจสาวเก่ง ใช้กลยุทธ์ที่แสดงว่า ผู้หญิงคนนี้ คือ คนของเค้า ตามติดตลอดเวลา เอาอกเอาใจ ปรนนิบัติพัดวี ส่วนชายหนุ่มอีกคน ออกอาการเป๋นะครับ ดูผิดหวังและช็อกที่อยู่ๆกลับมีชายหนุ่มอีกคนมาแสดงถึงความสนิทกับสาวเจ้า ดังเช่นตัวเองแสดง




สมมติฐานแรกที่กล่าวว่า ความรักเกิดจากเราต้องเป็นฝ่ายวิ่งตาม และพยายามจนถึงที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก ดูจะสามารถตอบคำถามในกรณีนี้ได้ ผู้ชายสองคนนี้กำลังมองเห็นว่า สมมติฐานแรก คือ มรรควิธีที่ถูกต้อง ถ้าผมมองถึงรางวัล ที่แต่ละคนได้รับในการเล่นเกมส์นี้ รุ่นพี่ผมจะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด เพราะได้รับการเอาอกเอาใจ จากชายหนุ่มทั้งสอง แต่ต้นทุนของรุ่นพี่ผม คือ การที่เมื่อผู้ชายดีๆบางคน มองเห็นถึงพฤติกรรมที่นึกถึงแต่ตัวเอง รุ่นพี่ผมก้อพลาดโอกาสการได้รู้จักและมีสัมพันธภาพกับผู้ชายดีๆ ที่เชื่อในสมมติฐานที่สอง มาดูรางวัลของชายหนุ่มทั้งสอง คือ การได้เป็นแฟนกับรุ่นพี่ของผมซึ่งไมรู้จะคบกันยืดหรือเปล่า รวมถึงการอาจจะได้มีเซ็กกับรุ่นพี่ของผม ซึ่งรางวัลอันหลังนี้คงยากซักหน่อย เพราะเธอเป้นผู้หญิงที่ห่วงตัวเอามากๆ




ผมนึกต่อไปอีกว่า ถ้าผมเป้นผู้ชายทั้งสองนั้น ผมจะทำตัวอย่างไร หรือ จะเล่นเกมส์นี้อย่างไรให้ตัวเองมีความสุข ผมคงเริ่มต้นที่จะทักคู่แข่งด้วยความมิตร พร้อมทั้งสำรวจจุดอ่อน จุดแข็งของคู่แข็งว่า ถ้าผมจะเอาชนะผมจะต้องทำอย่างไร แต่ความรักไม่ใช่การใช้กลยุทธ์เท่านั้น เพราะผมเชื่อในสมมติฐานที่สอง คือ ความรักจะตามหาตัวเราเอง ถ้าผมเชื่อสมมติฐานนี้ ผมจะไม่สนใจว่าเกมส์นี้ ผมจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ ผมคงใช้เวลาและรอดูว่า ผู้หญิงคนนี้คือคนที่ใช่สำหรับผมหรือ เปล่า และผู้หญิงคนนั้น จะเห็นผมเป็นผู้ชายที่ใช่ด้วยหรือไม่ แต่ในความเป็นจริงผมจะทำแบบนี้ได้หรือเปล่านะ




การตอบคำถามของผม คงยังตอบคำถามนี้ไม่ได้แน่นอนในบทความบทนี้ แต่เมื่อวันข้างหน้า ที่ผมต้องหาความรัก หรือ ความรักได้ตามหาผมเจอผมจะกลับมาตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง...........

3 comments:

Anonymous said...

ขอบใจสำหรับแง่คิดเรื่องรักนะ วิทย์ อ่านแล้ว เห็นชัดเลยว่า แกโคตร in love เล๊ย ความรักเป็นเรื่อง(ที่ควร) พิถีพิถัน เด็กไทยสมัยนี้ เละเทะ เลอะเทอะกันใหญ่แล้ว บ้างเรียกว่ารัก แต่ก็ยังมีกุ๊กกิ๊ก เผื่อเลือก บ้างก็ just for fun บริหารเสนห์ ไปวันๆ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จักความรักกันซะที บทเรียนของแต่ละคนก็ต่างๆ กันไป และความสุขของแต่ละคนก็แกต่างกัน ฉะนั้น ช่างหัวมันเหอะ ว่าใครจะ (แม่ง) รักกันมักง่ายกันแค่ใหน แค่เรามีความสุขของเรา ในสังคมสมัยนี้ และก็ไม่ต้องคิดมากนัก เพราะเดี๋ยวความรักของเราก็จะมาหาเราเอง whatever in store for us will be for us ของๆ เรา ยังไงก็เป็นของเราแระ ใจเย็นๆ ถ้าเหงาก็มีเพื่อนโสดๆ ที่รอรักแท้เต็มไปหมด ไงๆ ก็มีเพื่อนดูหนังด้วยอยู่แร้ว
โชคดีนะเพื่อน
คิดถึงว่ะ
Arom :D

Anonymous said...

umm, i agree na let love find you. But when the love can find me wa

Anonymous said...

อรมณ์ และตูม วิทแอบเอาความเหนของแกทั้งสองมาโพสในกระทู้นะ คงไม่ว่ากัน
อรมณ์ : เราคิดถึงแกจัง บางครั้ง หลายๆเรื่องที่เราอยากคุยกับแกนะ รีบเรียนให้จบไวๆนะเพื่อเราจะได้เจอกันอีก หรือไม่แน่เราจะบินไปเยี่ยมแกนะ

ส่วนตูม:ขอบคุณสำหรับหลายๆเรื่องที่แกทำให้เราหัวเราะได้นะ
โบว์:วิทต้องขอโทษที่บังเอิญลบความเหนของโบว์ในเมลล์ไปนะ เลยไม่ได้เอามาลงด้วยเลย น่าเสียดายจริงๆๆ