Sunday, October 08, 2006

ขอโทษครับแม่


โทรศัพท์สั่นยิกๆๆๆๆ ในกระเป๋ากางเกงของผมตอนเวลา 4 ทุ่มกว่าๆๆๆของเมื่อคืน ผมรีบตาลีตาเหลือกที่จะต้องรับสายโทรศัพท์สายนี้ให้ได้ ไม่ใช่ว่าแฟนโทรมาหรอก แต่คนที่โทรมาเป็นผู้หญิงที่ผมแคร์ที่สุด ผู้หญิงปลายสายนั้น คือ แม่ของผมเอง แม่ถามด้วยอาการงอนเล็กน้อย ทำไมยังไม่ถึงบ้าน ผมพยายามที่จะอธิบายให้แม่ฟัง ว่าผมไปรับประทานอาหารกับเพื่อนนิดหน่อยก้อเลยกลับบ้านดึกไปนิดนึ่ง แม่เริ่มไม่พอใจว่าทำไมไม่นัดทานข้าวตอนกลางวันละ ผมเริ่มคิดว่าให้ถึงบ้านก่อนดีกว่าแล้วค่อยคุยกะแม่ เพราะแม่เริ่มน้อยใจที่ผมเริ่มจะเถียงแม่ซะแล้วซิ

เช้าวันนี้ผมได้คุยกับแม่แบบสบายๆมากขึ้น ผมรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต่อให้ผมจะโตขึ้นกว่านี้ก็ตาม ต่อให้ผมแต่งงานมีเมีย มีลูกแล้วก้อตาม ต่อให้ผมร่ำรวย หรือยากจนแค่ใหนก้อตาม ผู้หญิงคนนี้ คือ คนที่ผมจะอยู่ตรงนี้ ไม่เถียง และรับพังทุกๆๆๆอย่างที่แม่พูด ผมรู้ว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะเถียงท่าน ในเมื่อจุดประสงค์นั้นเพราะท่านรักผม

เพื่อนๆหลายคนที่สนิทกับผมคงรู้เหตุผลของผมแล้วซินะ ว่าทำไมเมื่อถึงเวลาตอนเย็น นายวิทต้องตาลีตาเหลือกกลับบ้าน ม่ายใช่ว่าแม่ผม เป็นผู้หญิงดุหรอก หรือเป็นผู้หญิงที่คุมกฏว่าต้องกลับบ้านเวลานั้นเวลานี้ ผมกับแม่อยู่ไกลกันกว่า 800 กิโลเมตร แม่ไม่มีทางที่จะมาควบคุมผมได้หรอก และผมก้อไม่ใช่ลูกแหง่ที่ไม่รู้จักโต ผมเป็นตัวของตัวเองมาตั้งนานแล้ว แต่การที่ผมทำแบบนั้นตกเย็นรีบกลับบ้าน ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ดื่มเหล้า เพราะผมแคร์แม่ ผมรู้ว่าถ้าผมทำตัวแบบนั้น แม่จะมีความทุกข์แค่ไหน

ตอนเช้าแม่พูดกับผมด้วยเสียงอันอ่อนโยน พร้อมกับบอกว่าแม่เป็นห่วงวิทนะ แค่นี้ผมก้อจำนนด้วยเหตุผลของแม่แล้วใช่ไหม ที่จะไม่กลับบ้านดึก พ่อกับแม่มักมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเสมอ พร้อมกับสอนการใช้ชีวิต ว่าโลกใบนี้มีทั้งสิ่งที่สวยงาม และสิ่งที่เราต้องคิดและวิเคราะห์ แม่กับพ่อ มักสอนให้เราติดดิน สู้และไม่ท้อถอยกับอุปสรรค รู้จักที่จะสังเกตในทุกๆๆๆเรื่อง รู้ว่าหน้าที่ตอนนี้ของเราคืออะไร และเราต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ครั้งนึ่ง เมื่อผมยังเด็ก ผมไม่เคยคิดว่าครอบครัวของเรามีฐานะที่ดี เพราะพ่อและแม่สอนให้พวกเราระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย และสอนให้รา เห็นถึงความสำคัญของการประหยัด ผมมักจะนึกคำของพ่อเสมอที่มักพูดว่า น้ำทีละหยด ทีละหยด ก้อสามารถทำให้ตุ่มใบใหญ่ๆๆเต็มไปด้วยน้ำได้

คำสอนนั้นช่างทันสมัยซะเหลือเกิน ในช่วงภาวะวัตถุนิยมกำลังระบาดอยู่ แต่พ่อกับแม่ ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกชายคนนี้ ไม่ได้ให้คุณค่ากับความร่ำรวย หรือ ให้คุณค่ากับการใช้ของราคาแพงๆๆๆ ลูกคนนี้เข้าใจ ว่าความเรียบง่ายสำคัญเสมอใช่มั้ยจ้ะแม่

ก่อนวางหูโทรศัพท์ผมบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงวิทนะ วิทรู้ว่าวิททำอะไรอยู่ และจะพยายามที่จะไม่นัดเพื่อนทานข้าวตอนเย็นเพราะจะทำให้กลับบ้านดึกและแม่ก็จะเป็นห่วง แม่รู้ไว้นะว่า วิทรักแม่แค่ใหน มากเกินกว่าที่จะทำให้แม่เสียใจ วิทรักแม่มากนะ

5 comments:

Anonymous said...

กลับบ้านเย็นเพราะเตะบอลกับเพื่อน แม่ไม่ว่าหรอกไอ้น้อง

Anonymous said...

เค้าว่ากันว่า การจะดูว่าผู้ชายคนนึงจะดูแลแฟนหรือภรรยาได้ดีหรือไม่นั้น ต้องดูว่าเค้ารักและดูแลพ่อ-แม่ได้ดีแค่ไหน เราเชื่อว่าวิทต้องเป็นแฟนหรือหัวหน้าครอบครัวที่นี่แน่นอน ตอนแรกเราก้อไม่เข้าใจนะว่าทำไมวิทอยู่ดึกไม่ได้ แต่ตอนนี้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วล่ะ

ส่วนตัวเรานั้นออกจะตรงข้ามกับวิทนะ เพราะเราก้อชอบเถียงแม่เหมือนกัน ทั้งที่ใจจริงนั้นรักแม่มากที่สุด แต่ตัวเราก้อชอบคิดว่าเราโตแล้วนะ ไม่ต้องเป็นห่วงมากก้อได้ แต่จิงๆๆอย่างที่วิทบอกแหล่ะ ไม่ว่าเราจะอายุขนาดไหน จะเป็นยังไง แม่ก้อยังเป็นห่วงเราเสมือนเราเป็นเด็กอยู่ดีเนอะ จะพยายามปรับปรุงตัวนะ

รักแม่จัง !!!!

แจง

*k*u*k* said...

กุ๊กผู้หญิงนะ ทำไม แม่เห็นตามเวลากลับดึกๆเลยอ่ะ โฮโฮโฮ

pickmegadance said...

คนดีจัง

Anonymous said...

ไม่เสียทีที่เป็นเพื่อนกับเอ็งว่ะ