Thursday, December 14, 2006

Trip Japan Nov. 19-28, 2006 – Tokyo Episode(4)


Day 4 The last day in Tokyo (Nov. 22)
หลังจากผจญภัยมาแล้วด้วยเส้นทางอันแสนไกล วันนี้ก็กะจะเป็นวันเบาๆ ที่ไม่ใช่วันเบาๆนั่นนะ เริ่มยามเช้าที่สายกว่าแผนการที่พยายามหลบเวลาเร่งด่วนในโตเกียวที่ขึ้นชื่อความเป็นปลากระป๋องในรถไฟยามเร่งด่วน แต่ถือเป็นโชคดีที่ผู้คนยังไม่มากเท่าไร อดเจอบรรยากาศปลากระป๋องญี่ปุ่นเลย อ้อ ลืมบอกไปข้าวเช้าวันนี้เป็นขนมปังอีกแล้วครับท่าน เพื่อความรวดเร็วครับ สักพักพวกเราก็มาถึงสถานีโตเกียว เพื่อเดินต่อไปยังพระราชวังขององค์จักรพรรดิฮิโรฮิโต โดยเลือกเส้นทางตึกสวย แล้วก็ผ่านตึกที่ทำการสำนักงานใหญ่แบงค์ที่เป็นเจ้าของทุนนุ้ยตอนปริญญาโทด้วย เลยถ่ายรูปเป็นหลักฐานซะหน่อย แล้วก็ผ่านตึกสวยๆอีกหลายตึก แต่ผมอ่านออก แต่แปลไม่ออกครับ ขอข้ามแล้วกัน เมื่อมาถึงสวนรอบๆพระราชวังก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย จากตรงนั้นเห็นอาคารรัฐสถาญี่ปุ่นด้วย แต่แค่เห็นนะ เดินไปก็ไกลเหมือนกัน จึงเดินตามแผนเดิมไป นิจูบาชิ หรือสะพานแว่นตานั่นเอง คือ เมื่อมองเงาสะท้อนบนพื้นน้ำ รวมกับตัวสะพานจริงๆจะมองเห็นเป็นแว่นตากลมๆ สะพานนี้เป็นทางเข้าหลักเพื่อเข้าไปในตัวพระราชวังจริงๆ ก็มีกรุ๊ปทัวร์ทั้งเด็ก คนสูงอายุ กระจายกันอยู่บริเวณนั้นถ่ายรูปกัน พวกเราก็เอากับเข้ามั่ง วันนี้ดูทุกคนขึ้นกล้องมากขึ้น ไม่ใช่เพราะแบบมันดี หรือฝีมือถ่ายรูปมันดีหรอกนะ ความจริงก็คือ วันนี้อากาศดี เป็นวันแรกที่อยู่โตเกียวแล้วอากาศมันดี พวกเราใช้เวลาบริเวณนั่นนานอยู่เหมือนกัน ประกอบกับคณะจากไทยต้องการไปซ่อมดิสนีย์ และฮาราจูกุ ทำให้ต้องออกจากบริเวณนั่นเลย โดยไม่ไปสวนตะวันออกของพระราชวัง ซึ่งค่อนข้างไกลจากบริเวณสะพานนิจูอยู่มากเหมือนกัน
ก่อนไปก็หิวกันแล้ว เลยหาร้านแถวสถานีกินกันก่อน แต่ด้วยความสังเกตของพวกเราก็พบว่าร้านที่อยู่ใต้ทางด่วน ใต้ทางรถไฟมักอร่อย และไม่แพง เลยได้ร้านอาหารญี่ปุ่นแดกด่วนใต้ทางรถไฟเจอาร์แถวๆนั่นแหละ รสชาติก็ใช้ได้นะ แถมเข้าไปในร้านแล้วดูดีเหมือนกัน ไม่เหมือนภายนอกที่ดูไม่ค่อยได้ เพราะอยู่ใต้ทางรถไฟทำให้ดูเก่าๆ ทะมึนๆ รู้สึกเสาร์สั่งพวกหมูทอด หรือไก่ทอดอีกแล้ว กินเนื้อไม่ได้ ช้อยก็ลดไปเยอะอย่างนี่แหละ ต้องทำใจนะเสาร์ อยู่ญี่ปุ่นแต่กินเนื้อไม่ได้ (เฮ้อ สงสารแทน) หลังอาหารคาวพวกเราก็เข้าไปชิมซอฟท์ครีม ทำจากนมฮอกไกโด ห้าคนกินแค่สองโคนคร้าบ ก็กะกินเอารสชาตินี่ไม่ได้กินเอาอิ่ม ก็อร่อยดีนะ เป็นร้านใต้ทางรถไฟอีกแล้ว ด้านนอกดูงั้นๆ แต่ในร้านทำสวยเหมือนกันแฮะ ชักติดใจพวกร้านใต้ทางแฮะ
และแล้วก็ถึงเวลาแยกจากกัน แต่ไม่ได้แยกจากกันเพราะจบทริปนะ เนื่องจากข้าพเจ้าง่วงมาก เพราะนอนน้อยมาหลายคืนติดๆกัน คืนแรก ได้ยินเสียงกรนของวิทกับนุ้ยประสานกัน เล่นเอานอนไม่ค่อยหลับไปทั้งคืน คืนที่สองบนรถไฟก็หลับๆตื่นๆ คืนที่สามหลับเป็นตายแต่ก็แค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็เลยต้องขอแยกตัวไปหลับก่อน ไม่ไหวแล้วจริงๆ ปล่อยให้ชาวคณะจากไทยนั่งเจอาร์ไปไมฮะมะ (ดิสนีย์อยู่สถานีนี้คงยังจำกันได้นะ) กันเอง คิดว่าคงไม่หลงแล้ว แต่ก็เดินไปส่งถึงชานชลา แล้วก็นัดกันไว้หกโมงเย็น ที่ประตูมารุโนะอุจิใต้ ส่งขึ้นรถเสร็จขอตัวกลับไปนอนห้องต้าก่อนแล้ว
ตอนเย็นหลังจากได้นอนกลางวันเพิ่มอีกหลายชั่วโมงค่อยรู้สึกสดชื่นหน่อย แล้วชาวคณะก็โทรมาเลื่อนเวลานัดจากหกโมงเย็นเป็นไม่มีกำหนด เพราะกำลังเมามันกับเครื่องเล่นในดิสนีย์ซีกันอยู่ เอ หรือเมามันกับการต่อแถวรอเล่นเครื่องเล่นหว่า ได้ข่าวว่ารอกันเป็นชั่วโมงๆเลยนี่กว่าจะได้เล่นเครื่องเล่นแต่ละอัน มันก็อย่างนี้แหละ คนญี่ปุ่นมันบ้าดิสนีย์ นี้ถ้าเป็นเสาร์อาทิตย์นะ กว่าจะได้เล่นไอ้พวกเครื่องเล่นดังๆ อย่างเช่น Tower of Horror (เครื่องเล่นใหม่ เพิ่งมีปีนี้เลย) เป็นได้รอสามชั่วโมงแน่ แค่นี้ยังเด็กๆคร้าบ
เนื่องจากได้นอนกลางวันมาแล้ว สติเริ่มเต็มร้อย ก่อนมาหาชาวคณะก็ยังพอมีเวลา เลยสำรวจป้ายราคารถไฟใต้ดินปรากฏว่า จากรอปปองหงินั่งไปสถานีโตเกียวด้วยใต้ดินราคาร้อยห้าสิบเยนเท่ากับนั่งไปเอะบิซึเลย (คงจำกันได้ว่า เริ่มใช้เจอาร์เรลพาสแล้ว แต่บ้านต้าอยู่รอปปองหงิ ซึ่งไม่มีเจอาร์ผ่าน สถานีเจอาร์ใกล้สุดก็คือ เอะบิซึ เลยต้องนั่งเจอาร์สายรอบเมืองอ้อมมาจากสถานีโตเกียวมาเอะบิซึก่อนที่จะต่อใต้ดินสองป้ายถึงรอปปองหงิ) พอรู้ราคาปั๊ป เราก็ทดลองสายใหม่เลยครับ ปรากฏว่าประหยัดเวลาไปได้มากโข แถมเสียตังค์เท่ากันด้วย โทษทีนะครับชาวคณะที่พาอ้อม ก็ตอนแรกมันสมองมันเริ่มประมวลผลช้าลงแล้วนี่ นอนน้อย
พอถึงสถานีโตเกียว ก็รอสักพักใหญ่ชาวคณะกว่าจะมาถึง พอเจอกันแผนเดิมที่จะไปซ่อมย่านบันเทิงฮาราจูกุ ชินจูกุก็เป็นอันพับไปเพราะ แต่ละคนไม่ไหวแล้ว เหนื่อยจากดิสนีย์ซีมากัน จึงดำเนินการไปจองตั๋วชินคันเซนเที่ยวแรกเพื่อไปเกียวโตแทน ปรากฏว่าเต็มหมดทุกขบวนครับ เหลือแต่ที่นั่งที่ไม่ต้องจองที่นั่ง คือ ใครมาก่อนก็ได้นั่งก่อน ในชินมันจะแบ่งง่ายๆเป็นที่นั่ง Reserved กับ Non-reserved เป็นสันญาณบอกว่าคนไปเที่ยวเกียวโตเยอะมาก เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนพิเศษของเกียวโต คือ ทั่วญี่ปุ่นคนมาเที่ยวไม่มากถือว่าเป็นโลว์ซีซั่น ตั๋วเครื่องบินเลยถูก แต่สำหรับเกียวโตแล้วเป็นไฮซีซั่นครับ เพราะคนอยากมาดูใบไม้แดงที่นี่ ซึ่งนับว่าสวยที่สุดแล้วในญี่ปุ่น
พวกเราก็ต้องทำใจแล้วก็กลับห้องต้าครับ ก่อนเข้าห้องก็หาอะไรง่ายๆ ก็ใกล้ๆร้านโซบะเมื่อคืนนั่นแหละ เป็นร้านอาหารจีนแฟรนไชเปิดใหม่ในย่านนั้น ที่พวกเราอยากกินเมื่อคืน แต่คนเต็มร้านเลยเปลี่ยนเป็นร้านโซบะข้างๆ ที่น้ำซุปอร่อยๆ ร้านอาหารจีนร้านนั้นดูภายนอกดูดีมาก แต่ลองกินดูแล้ว แพงก็แพงกว่าร้านโซบะข้างๆ รสชาติก็งั้นๆ สรุป คนเราจะดูแต่ภายนอกไม่ได้ ต้องลองให้เห็นเนื้อใน ทำใจครับสั่งมาแล้ว ข้าพเจ้าก็ฟาดหมด อร่อยไม่อร่อย หิวอะ แต่คนอื่นเหลือกันตรึม
กลับมาห้องต้าก็จัดของ เตรียมออกเดินทางพรุ่งนี้ แล้วก็ได้ล่ำลาเจ้าของห้องได้นิดหน่อย เพราะแต่ละคนเหนื่อยกันมาก หลับกันอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ออกเช้าอีกคงไม่ได้เจอหน้ากัน ถึงไทยแล้วค่อยเลี้ยงขอบคุณนะครับ ต้า เพื่อนณีผู้ใจดีให้ที่นอนพวกเราตั้งสามคืน ไม่งั้นแย่เลยนะเนี่ย ไม่รู้จะไปนอนไหน โรงแรมสองห้องก็ไม่รู้จะพอไหม ของแต่ละคนพามายังกะจะย้ายบ้าน (แซว)

1 comment:

pickmegadance said...

ยาวมาก ยังอ่านไม่หมดเลย