Thursday, December 14, 2006

Trip Japan Nov. 19-28, 2006 – Tokyo Episode(2)


Day 2 (Nov. 20)
วันนี้เริ่มทริปด้วยการตามล่าหาซูชิอร่อย ราคาไม่แพงที่ตลาดปลาซึกิจิ ตลาดปลาขายส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ใช่แค่ในญี่ปุ่นนะครับ มันระดับโลกเลย เลยทำให้หลงกันตั้งแต่เช้าเลย คือเข้าผิดทางทำให้เดินเข้าไปในตัวตลาดขายส่งเลย ซึ่งตามที่ฟังคนอื่นเล่ามา ตรงทางเข้าก็เจอร้านซูชิเยอะแล้ว ก็เลยงง แถมข้างในเกือบเอาชีวิตไปทิ้งเสียแล้ว เพราะบรรยากาศภายในตลาด เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และรถที่เขาใช้ส่งปลากัน เฮ้อ ไม่น่าเข้าผิดทางเลย แล้วตอนขาออกเลยออกอีกทาง ก็เลยเจอร้านน่ากินเพียบ ก็เลยเลือกร้านที่ดูน่ากินร้านหนึ่ง แถมพ่อครัวยังพูดภาษาอังกฤษได้อีก พอเดินเข้าไปในร้านก็เลยเห็นหัวทองเต็มร้านเลย พวกเราด้วยความไม่หิวเพราะยังเช้า หรือแพงก็ไม่รู้เลยสั่งชุดแนะนำ (ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่าโอซุซุเมะ) มาชุดเดียวกินด้วยกัน แล้วก็ชุดเล็กๆอีกหน่อย แล้วก็สั่งแบบกล่องกะเอาไปกินตอนเที่ยง เพราะว่าแบบกล่องถูกกว่ากินในร้าน พวกเราก็สั่งชุดปานกลาง แต่เขาดันคิดราคาเป็นชุดเล็ก พวกเราก็นึกว่าสื่อสารผิดพลาดเขาเลยทำชุดเล็กมาให้ มารู้ที่หลังว่าเขาคิดราคาผิด ความจริงเขาทำมาให้เป็นชุดกลางถูกแล้วตามที่พวกเราสั่ง ฮะๆ ไม่ได้ตั้งใจโกงเขานะ ถ้าเจอตั้งแต่ในร้านก็จะบอกให้เขาคิดราคาใหม่แล้ว หลังจากนั้นด้วยความบังเอิญเห็นตึกมันสวย ก็นึกว่าเป็นมหาวิทยาลัยมุซาชิโนะ (เป็นมหาลัยที่ปรากฏในเรื่อง April Story ที่ Matsu Takako แสดงไปหาดูเอาได้ในไทย) เพราะเห็นป้ายโฆษณามหาลัยติดอยู่ด้านหน้า ความจริงแล้วเป็นวัดไทย แต่ด้านหน้าให้เช่าติดป้ายโฆษณา ก็ทำให้พวกเราได้ที่ถ่ายรูปเพิ่มนอกโปรแกรม ภายในนึกว่าเป็นโบสถ์คริสต์ สวยมากๆ มาอ่านแผ่นพับแนะนำถึงได้รู้ว่าเป็นวัดพุทธนี่แหละ ตอนนั้นกำลังมีคนมาขอให้ทางวัดทำพิธีอะไรอยู่ไม่รู้ คณะจากไทยก็ผสมโรงนั่งดูไปด้วย ตอนหลังอยากออก แต่ด้วยธรรมเนียมไทย ไม่ควรลุกออกไปพร่ำเพรื่อตอนมีพิธีการ เราก็เลยบอกไปว่าออกได้ เขาไม่ได้ห้าม ก็เลยออกมา อ้อ ลืมบอกไปว่าวันนี้ก็เป็นอีกวันที่รูปถ่ายพวกเราเต็มไปด้วยร่ม (โปรดติดตามต่อไป จะทราบว่าร่มราคาสามร้อยเยนนี้คุ้มมาก เพราะใช้มันตลอดทั้งทริป โชคดีจริงๆ ก่อนหน้านี้ฝนไม่ตก พอวันเครื่องลง ตกทันทีเลย ฮา)
เนื่องจากไฮไลต์อย่างหนึ่งของทริปนี้ก็คือ ทะเทะยะมา คุโรเบะ อัลไพล์ รูต (Tateyama Kurobe Alpine Route) ซึ่งเป็นเส้นทางหิมะอยู่จังหวัดโทยาม่าเชื่อมมาทางจังหวัดนะกะโนะ ไกลจากโตเกียวและเกียวโตมาก แล้วก่อนหน้านี้อากาศที่นั่นสามวันดีสี่วันไข้ บางวันมีพายุหิมะ ทำให้เส้นทางปิด ก็เลยต้องมีการเช็คอากาศแบบวันต่อวัน แล้วพยากรณ์อากาศญี่ปุ่นก็แม่นมาก (ไม่เชื่อถามคณะจากไทยดู) พยากรณ์ว่าวันพรุ่งนี้หรือวันที่สามของทริปอากาศจะดีที่สุดในรอบอาทิตย์ พวกเราก็ตัดสินใจว่าจะไปกันวันพรุ่งนี้เลย ดังนั้นหลังจากไปตลาดซึกิจิ ก็เลยแวะสถานีโตเกียวไปจองตั๋วก่อน เพราะถ้าพลาดไม่มีที่นั่งกลับจากนะกะโนะ อาจจะได้นอนนะกะโนะเล่นหนึ่งคืน พอจองตั๋วเสร็จครับ ฝนหยุดตก (ตามพยากรณ์อากาศแปะ ว่าวันนี้ช่วงกลางวันฝนจะหยุดตก) เลยได้โอกาสถ่ายรูปกับสถานีโตเกียว ซึ่งกำลังบูรณะอยู่ แต่ก็เหลือโซนด้านหน้า ที่ถ่ายรูปกับตึกสวยๆ สถาปัตย์กรรมเก่าๆ ขลังดี ตอนนั้นรู้สึกอารมณ์ทุกคนดีขึ้นมากเพราะไม่ต้องกางร่มถ่ายรูปกันแล้วมั่ง
หลังจากนั้นก็ตามโปรแกรมคือ อะกิฮะบะร่า หรือชื่อเล่น อะคิบะ นั่นเอง แหล่งชอบปิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้า และร้านเมต (Mate Café) แต่ไม่มีใครสนใจก็เลยเดินแต่ร้านค้าย่อยกลับ ห้างโยโดบาชิ ที่ขายมันแทบจะทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า (สินค้าหลักของห้าง) จนถึงของเล่นเด็ก ซึ่งก่อนเดินในห้างก็หิวแล้วครับ เพราะเดินร้านค้าย่อยมาก่อนแล้ว ก็เลยหาอะไรกินง่ายๆถูกๆ ณีก็บอกว่าอยากกินพวกร้านฟาสต์ฟู้ดญี่ปุ่น ก็ประมาณร้านข้าวแกงแฟรนไชบ้านเรา ก็เลยลองเดินหาพวกร้านที่อยู่รอบๆห้าง เจอร้านชิโนะมิยะ ซึ่งที่นี่ ที่ลองสังเกตดูก็มีสามร้านแฟรนไชดังอยู่สามร้าน ก็คือ ชิโนะมิยะ ซุกิยะ แล้วก็มัทซึยะ ก็ว่างานนี้จะลองให้ครบมันทั้งสามร้าน เพราะมันถูกแล้วก็เร็วดี จะได้เอาเวลาไปเดินเล่น ดังนั้นมื้อเที่ยงวันนี้ก็ได้กินเป็นข้าวหน้าเนื้อ แต่เสาร์กินอย่างอื่น เพราะกินเนื้อไม่ได้ (แต่ถ้ามาเรียนที่นี่ ไม่กินเนื้อไม่ได้ เพราะอาหารที่นี้เลี่ยงเนื้อไม่ได้ ยิ่งเวลาไปกินกับคนอื่นที่ต้องจ่ายเป็นรายหัว จะไม่คุ้มเพราะ ที่มันแพงเพราะเนื้อนั่นเอง ส่วนเรากินได้หมดเลยรอดตัวไป) หลังจากกินก็เดินเล่นในโยโดบาชิ ได้ของเล่น ซึ่งกะซื้อไปเป็นของฝากเด็กๆ แต่วิทได้ของเล่นเป็นของฝากของตัวเองไป (อ้าว) จนได้เวลาต้องกลับไปเตรียมของไปทะเทะยะมาแล้ว เพราะคืนนี้กะเข้าดิสนีย์แลนด์จนมันปิดตอนสี่ทุ่มเลย แล้วก็เดินทางต่อไปทะเทะยะม่าทันที ดังนั้นต้องเตรียมของกันก่อน
เมื่อมาถึงดิสนีย์แลนด์ฝนก็ดันตกพร่ำๆลงมาอีกแล้ว ทำให้กังวลว่าพาเหรดคืนนี้จะมีหรือเปล่า (การเข้าดิสนีย์รอบกลางคืน มีจุตประสงค์หลักคือดูพาเหรด) เลยเสียเวลาส่งภาษากันนาน กว่าจะได้เจ้าหน้าที่สาวใจดี ที่พูดภาษาอังกฤษได้มาคุยได้ความว่า ตอนนั้น (หกโมงกว่า) เขาไม่รู้หรอกว่าพาเหรดตอนทุ่มครึ่งจะมีหรือเปล่า แต่ถ้าก่อนสามสิบนาทีจะมีการประกาศคอนเฟิร์มก่อน สรุปพวกเราก็เสี่ยงดวงเข้าไปตอนนั้นเลย เพราะคิดว่าฝนไม่น่าตกหนักมากกว่านั้นจนพาเหรดงด พอเข้ามาได้ แล้วก็ถ่ายรูปกันนิดหน่อย ก็เริ่มหิว ก็เลยควักซูชิที่ซื้อมาตั้งแต่เช้าที่ตลาดซึกิจิมากิน ตอนนั้นก็เลยบอกไปว่า ไม่มั่นใจว่ามันยังดีอยู่หรือเปล่า ถ้าอันนั้นไม่น่าไว้วางใจก็อย่ากินดีกว่าเดียวจะท้องเสีย ไม่คุ้มเอาเปล่าๆ แต่คงเพราะความสดของเครื่องปรุงและ ความเย็นของอากาศสรุปทุกคนก็อยู่ดีตลอดทางทะเทะยะม่า แหม่ของเขาสดจริงๆ แถมทำตั้งแต่เช้ามากินซะค่ำก็ยังอร่อย สบายท้องไปมื้อนั้น
หลังจากกินก็มาถึงไฮไลต์ของวันคือ พาเหรดดิสนีย์ ตอนกินเสร็จคนก็มารอดู จับจองที่ดีๆไปหมดแล้ว พวกเราเลยเดินขึ้นไปต้นทางเรื่อยๆ (พาเหรดดิสนีย์เดินเป็นระยะทางไกลเหมือนกัน เลยมีจุดที่ดูได้อยู่เยอะ แถมวันนี้คนรู้อยู่แล้วว่าฝนตก เลยยังมีที่ให้พวกเรา) ด้วยความมั่ว หรือโชคดีก็ไม่รู้ทำให้ได้ที่ดีมากทั้งๆที่เดินเข้าไปสายมาก เป็นจุดถ่ายรูปเลย มีฉากหลังเป็นปราสาทดิสนีย์ด้วย ฟลุ้คจริงๆ คนเขาคงมาดูพาเหรดที่ตรงนั้นเลยว่าง ไม่เหมือนพวกเรามาถ่ายรูปกันซะเยอะๆเลย (ฮา) หลังจากดูพาเหรดเสร็จก็ได้เล่นเครื่องเล่นบางอัน มีอยู่อันหนึ่งเห็นคนเดินเข้าไปกันเยอะก็นึกว่าน่าสนใจก็เลยเดินตามเข้าไป ปรากฏว่าเป็นเครื่องเล่นหวาดเสียว ประมาณโรลเลอครอสเตอร์ที่ไปตามเมืองสมัยบุกเบิกอเมริกา สุปราณีก็เลยได้หลับตาไปตลอดทาง เพราะไม่ถูกกับเครื่องเล่นสไตล์นี้
ก่อนออกก็ได้ถ่ายรูปกับปราสาทตอนกลางคืน สวยไปอีกแบบ (สำหรับเรา เราชอบจุดนี้ที่สุดเลยนะ ทำให้อยากมารอบกลางคืนมากกว่ากลางวัน) แล้วก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าสายแล้วเดียวตกรถไฟที่จะไปจังหวัดโทยะมะจุดเริ่มต้นเส้นทางหิมะ ซึ่งพวกเราต้องไปต่อรถที่สถานีโอมิยะ จังหวัดไซตามะ (ถ้านึกไม่ออก ก็ให้นึกถึงชินจัง เพราะชินจังอยู่ไซตามะ) ทั้งๆที่รถไฟสายโนโตะ (ที่นี่มีชื่อเฉพาะเรียกรถไฟหลายสาย ไม่เรียกเหมือนบ้านเราว่าเป็นรถไฟกรุงเทพ-เชียงใหม่) เริ่มต้นสายที่สถานีโตเกียว แต่เนื่องจากคณะจากไทยเริ่มใช้เจอาร์เรลพาส (ตั๋วเหมาเจ็ดวันใช้เจอาร์ได้หมด ชินคันเซนก็ได้ แต่ยกเว้นชินคันเซนสายโนโซมิ ซึ่งเร็วที่สุดในญี่ปุ่น) ตั้งแต่วันที่ยี่สิบเอ็ด ก็เลยต้องไปขึ้นที่โอมิยะตอนศุนย์นาฬิกาหนึ่งนาที ประมาณว่าพอข้ามวันปุปใช้ปั๊ป อะไรจะคุ้มปานนั้น เพราะฉะนั้นจากสถานีไมฮะมะ จังหวัดชิบะ ที่ที่ดิสนีย์แลดน์โตเกียวตั้งอยู่ ไปโอมิยะก็หวาดเสียวอยู่เหมือนกันว่าจะไม่ทัน(ถ้านึกภาพไม่ออก ก็ให้วาดภาพว่า ชิบะอยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของโตเกียว ส่วนไซตามะอยู่ค่อนไปทางเหนือ) เลยต้องเปลี่ยนแผนจากการนั่งรถไฟใต้ดินไปอุเอโนะ เปลี่ยนไปต่อเจอาร์เร็วขึ้น จากตอนแรกกะนั่งเจอาร์ที่อุเอโนะให้ทันรอบสิบเอ็ดยี่สิบหกนาที ก็ต้องเปลี่ยนมานั่งเจอาร์ตั้งแต่สถานียุระคุโชะ ซี่งเป็นสถานีก่อนหน้าสถานีโตเกียวสถานีหนึ่ง (ให้วาดภาพไล่จากยุระคุโชะ ขึ้นไปก็เป็นสถานีโตเกียว แล้วก็อีกสี่สถานีขึ้นไปถึงจะเป็นอุเอโนะ) ก็เลยงงไปพักหนึ่งว่าต้องซื้อตั๋วราคาเท่าไร เพราะตอนเช็คจากเน็ตก่อนหน้านั้น ตั้งเงื่อนไขว่าจะขึ้นเจอาร์จากอุเอโนะไปโอมิยะ แล้วตอนนั้นก็รีบๆ ก็เลยซื้อตั๋วราคาถูกไว้ก่อน แล้วขาออกค่อยไปปรับราคาตั๋ว คิดได้อย่างนั้นก็รีบขึ้นรถเจอาร์สายเคย์ฮินโทโฮะคุเที่ยวแรกสุดทันที่ แต่ตอนที่ผ่านสถานีอุเอโนะก็ค่อนข้างมั่นใจแล้วนะว่าจะไม่ตกรถเพราะเวลาวิกฤติอยู่ที่สิบเอ็ดโมงยี่สิบหกนาที (เช็คมาจากในเน็ต เวลาเดินทางจากอุเอโนะไปโอมิยะมันแค่ยี่สิบเอ็ดนาที) แต่รถคันที่เรานั่งไปผ่านอุเอะโนะตอนสิบเจ็ดนาที กะว่าไปถึงตอนสามสิบแปดนาที โฮะๆสบายๆแล้ว ไม่ตกรถแน่ และแล้วเหตุการณ์ก็พลิกผัน เพราะเวลาที่เช็คมาจากเน็ตมันผิด ทำไมกลายเป็นใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมงแทนก็ไม่รู้ ตอนนั้นงงเลย เดียวก็ต้องไปปรับตั๋วอีกจะทันไหมเนี่ย เริ่มทำใจได้กลับไปนอนห้องต้าอีกคืนแน่ พอถึงสถานีโอมิยะ น้านนเป็นสถานีใหญ่อีก แล้วตูจะหาชานชลาที่โนโตะจอดอยู่เจอไหมเนี่ย แล้วสถาณการณ์ก็เริ่มคลี่คลายเพราะว่าเดินไปถามเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่าไม่ต้องออกจากสถานี ก็ไม่ต้องเสียเวลาปรับตั๋ว (ฮะๆ กลายเป็นจ่ายถูกไปเลย) แถมขึ้นชานชลาที่แปดซึ่งอยู่ไม่ไกล (สถานีเจอาร์ในญี่ปุ่นบางครั้งต้องมีการเข้าออกสถานีซ้อนกัน เช่น จะใช้ชินคันเซนก็ต้องผ่านช่องธรรมดามาก่อนรอบหนึ่ง แล้วก็ต้องผ่านช่องพิเศษของชินมันเองอีกรอบหนึ่ง ก็กลัวว่าจะต้องเสียเวลาปรับตั๋วเผื่อเข้าชานชลาของโนโตะ แต่ปรากฏว่าใช้ชานชลาธรรมดาใกล้ๆกัน)ไม่มั่นใจว่าจำชานชลาถูกหรือเปล่า เพราะขึ้นเจอาร์บ่อยมาก พอลงไปตัวชานชลาโผล่มาต้องตู้หลังๆ แต่ตู้ที่จองไว้เป็นตู้ที่สอง ก็เลยต้องเดินเข้าไปในรถก่อน เพราะกลัวตกรถ ตอนนั้นเวลาใกล้เวลาออกมากแล้ว และแล้วพอเข้าไปในรถได้สักพักรถก็ออก เฮ้อตกลงไฮไลต์วันนี้ไม่ใช่พาเหรดดิสนีย์เสียแล้ว กลายเป็นการมาขึ้นรถไฟสายโนโตะ ที่สถานีโอมิยะ จังหวัดไซตามะให้ทันเวลาเที่ยงคืนหนึ่งนาทีให้ทัน (ก็ยังดีที่ทัน สรุปรถทุกคันที่นั่งมาจากไมฮามะ ตกลงเป็นขบวนสุดท้ายทั้งหมดที่ทำให้ทัน แต่ความจริงถ้ารู้ว่าไม่ต้องออกไปปรับตั๋วนะ ซื้อตั๋วราคาต่ำสุดนั่งจากไมฮามะเข้าสถานีโตเกียวแล้วเปลี่ยนสายเจอาร์ไปโอมิยะต่อแล้ว ไม่ต้องเสียเวลามาต่อใต้ดิน แล้วกลับมาเจอาร์อีกรอบหรอก ประมาณว่าไม่อยากโกงเจอาร์อะ ก็เลยคิดแผนนี้ไม่ออกตั้งแต่แรก เลยต้องทำให้ลุ้นกันทุกคนเลย โฮะๆ)

No comments: